หลาย ๆ ประเทศในตอนนี้ต่างตื่นตัวเป็นอย่างมากกับการที่อยากจะออกเหรียญคริปโตเคอเรนซี่เป็นของตัวเองหนึ่งในนั้นก็คือประเทศเอสโตเนียในสหภาพยุโรปที่มีการส่งเรื่องไปให้กับทางธนาคารกลางยุโรปพิจรณาซึ่งดูเหมือนว่าในคำแถลงการณ์ของนาย Mario Draghi ผู้ดำรงตำแหน่งประธานของธนาคารกลางยุโรปจะยังไม่เห็นด้วยกับการสร้างเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ของทางเอสโตเนียและปิดแผนการสร้างของพวกเขาลงอีกทั้งยังกล่าวยังหนักแน่นว่าเงินยูโรจะเป็นสกุลเงินเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นของยูโรโซนต่อไป
โดยตามแผนการนั้นทางด้านของเอสโตเนียได้มีการส่งเรื่องไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ในการสร้างเหรียญของพวกเขาขึ้นมาเพื่อมอบให้กับผู้อพยพที่อยู่อาศัยในประเทศของพวกเขากว่า 20,000 ครัวเรือนด้วยกันอย่างไรก็ตามเรื่องการสร้างเหรียญของเอสโตเนียได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักและถูกตีกลับทันทีจากทางธนาคารกลางยุโรป
ยูโรเพื่อยูโรโซนเท่านั้น!
ทางด้านของประธานธนาคารกลางยุโรปนาย Mario Draghi กล่าวอย่างชัดเจนเป็นอย่างมากและยังกล่าวตักเตือนไปถึงแผนการอันไม่มีทางเป็นไปได้ของเอสโตเนียอีกด้วยพร้อมทั้งพูดกลางการแถลงข่าวไว้ว่า
“ไม่มีรัฐสมาชิกใดสามารถแนะนำสกุลเงินของตัวเองได้ สกุลเงินของยูโรโซนคือยูโรเท่านั้น”
โดยเหรียญดังกล่าวมีชื่อว่า ‘estcoin’ ที่ถูกนำเสนอครั้งแรกโดยนาย Kaspar Korjus หัวหน้าโปรแกรม e-Residency ของเอสโตเนีย ซึ่งรัฐบาลเอสโตเนียยังคงพิจารณาข้อเสนออย่างแข็งขัน แต่ผลจากคำสั่งของประธานธนาคารกลางยุโรปทำให้พวกเขาดูจะมีความหวังที่น้อยลงไปจนถึงไม่มีเหลือแล้วซึ่งตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงถามความเห็นของประชาชนว่าจะทำอย่างไรต่อไปกันดีเท่านั้น
หากพูดกันตามตรงแล้วการตัดสินใจตีกลับโครงการคริปโตเคอเรนซี่ของเอสโตเนียเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนพอจะคาดเดากันได้อยู่แล้วนั้นก็เพราะมันอาจจะกระทบกับความมั่นคงของสกุลเงินหลักของพวกเขาอย่างยูโรได้นั้นเอง จึงไม่แปลกใจที่ธนาคารกลางยุโรปจะไม่ให้โครงการดังกล่าวผ่านไปได้ แต่ในอนาคตที่ คริปโตเคอเรนซี่กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเมื่อไหร่ละก็อนาคตที่เอสโตเนียอาจจะทำเหรียญของตัวเองก็อาจจะเป็นไปได้มากขึ้นร่วมทั้งการที่ธนาคารกลางยุโรปจะทำเหรียญของตัวเองออกมาก็เป็นไปได้เช่นกัน
ธนาคารกลางยุโรปรู้สึกกดดัน
อย่างไรก็ตามการสั่งห้ามในครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวที่เลวร้ายที่สุดของแผนการสร้างเหรียญคริปโตของเอสโตเนียซึ่งส่งผลให้ตอนนี้ในยูโรโซนยังไม่มีประเทศไหนกล้าเสนอโปรเจกต์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคริปโตเคอเรนซี่ของเอสโตเนียขึ้นมาอีกเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามความกดดันที่แท้จริงของพวกเขาอยู่ที่ประเทศจีนซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งในคู่แข่งหลักกำลังเร่งสร้างเงินดิจิทัลเป็นของตัวเองซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันให้กับธนาคารกลางยุโรปไม่น้อยเลยทีเดียวและดูเหมือนว่าในอนาคตพวกเขาจะหลีกเลี่ยงมันไม่ได้แล้วไม่วันใดก็วันนึงธนาคารกลางยุโรปจะต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลงแน่นอน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น