ประเทศฝรั่งเศษได้มีการประกาศยกเว้นการเก็บภาษีเงินได้จากการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินคริปโตกับสกุลเงินคริปโต โดยจะมีการคิดคำนวนภาษีเมื่อมีการนำสกุลเงินคริปโตไปใช้แลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งทางรัฐบาลของประเทศฝรั่งเศษนั้นยังได้มีการเปิดเผยถึงแผนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อมีการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการด้วยสกุลเงินคริปโตอีกด้วย อ้างอิงจาก Bloomberg Tax
เมื่อเรามองภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายปีที่ผ่านมานี้จะพบว่า สกุลเงินคริปโตนั้นได้เข้ามามีบทบาทกับเศรษฐกิจทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ในช่วงปี 2011 ในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะเหล่ารัฐบาลของแต่ละประเทศ
การแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างประเทศฝรั่งเศษและประเทศโปรตุเกส
สำหรับประเทศโปรตุเกสและประเทศฝรั่งเศษนั้นได้เล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและได้พยายามเข้าช่วงชิงตลาดโดยการออกนโยบายเพื่อดึงดูดเหล่านักเทรดและนักลงทุนในตลาดคริปโตเข้าสู่ประเทศให้มากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างของนโยบายดังกล่าวเช่นการจัดเก็บภาษีเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตนั้น ทางประเทศฝรั่งเศษยังคงตั้งเกณฑ์ไว้ที่การจัดเก็บภาษีเมื่อมีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตกลับเป็นสกุลเงินธรรมดา ในทางกลับกันประเทศโปรตุเกสนั้นไม่มีการจัดเก็บภาษีใดๆเกี่ยวกับการดำเนินการด้านสกุลเงินคริปโตเลย
สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ผู้ว่าการกระทรวงการคลังของประเทศฝรั่งเศษซึ่งได้ประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายภาษีอากรดังกล่าว เป็นผู็ซึ่งแสดงท่าทีต่อต้านการดำเนินการของ Libra ในพื้นที่ของประเทศในสหภาพยุโรป โดยได้มีการพูดคุยกับประธานของธนาคารกลางของสหภาพยุโรป (ECB) คือนาย Mario Draghi ถึงการออกสกุลเงินดิจิตอลโดยธนาคารกลางของสหภาพยุโรปอีกด้วย
จากแนวทางของนโยบายดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเหล่าประเทศที่ได้ให้การสนับสนุนการลงทุนคริปโตโดยอาศัยการออกนโยบายนั้นน่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากปริมาณการไหลเวียนของเงินในตลาดคริปโตและแนวโน้มที่ประชาชนจะย้ายถิ่นฐานเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่หรือประเทศที่มีการเก็บภาษีอย่างไม่สมเหตุสมผลเช่นประเทศออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สงครามสกุลเงินดิจิตอล
นอกจากนี้แล้วจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนั้น ความคิดที่ว่าเหล่าธนาคารกลางนั้นจะออกสกุลเงินดิจิตอลเป็นของตัวเองนั้นได้มีการแพร่หลายมากขึ้น ถึงขนาดที่เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าในที่สุดแล้วธนาคารกลางทั่วโลกนั้นจะดำเนินการเช่นเดียวกันจนกระทั่งสกุลเงินดิจิตอลนั้นแทนที่เงินแบบกระดาษได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม จนกว่าจะมีการดำเนินการจากหลายประเทศหรือจากองค์กรซึ่งมีอำนาจการดำเนินการในหลายประเทศจะมีแผนการในการสร้างสกุลเงินดิจิตอลกลางซึ่งได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ การดำเนินการโครงการสกุลเงินดิจิตอลของแต่ละประเทศก็น่าจะมีการพัฒนาแยกต่างหากจากกันต่อไป
โดยสรุปแล้ว ระบบสกุลเงินดิจิตอลนั้นยังคงมีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป ซึ่งข้อดีนั้นคือการที่ต้นทุนในการดำเนินการที่ลดลงและปริมาณการดำเนินธุรกรรมผ่านสกุลเงินดิจิตอลของรัฐบาลที่มากขึ้น ทั้งนี้ข้อเสียที่สำคัญคือการที่ความเป็นส่วนตัวของประชาชนนั้นลดลงอย่างชัดเจน อีกทั้งอาจยังเป็นการดำเนินการซ้ำข้อผิดพลาดเดิมของระบบการเงินอย่างเช่นในปัจจุบันก็เป็นได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น