<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

พนักงานโดนปรับร่วม 2 แสนบาทหลังแอบขุด Bitcoin ด้วยคอมพิวเตอร์ของศูนย์วิจัยนิวเคลียร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หนึ่งในการหากกำไรที่คลาสสิคที่สุดในวงการ Cryptocurrency ก็คงหนีไม่พ้นการขุดเหรียญต่าง ๆ ซึ่งเหรียญที่พิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าทำกำไรได้ดีในระยะยาวนั้นก็คือ Bitcoin ทำใหปัจจุบันมีนักขุด Bitcoin เยอะมาก ๆ โดยแต่ละคนก็พยายามจะอัปเกรดเหมืองหรืออุปกรณ์ของตัวเองให้มีกำลังขุดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจจะถึงขั้นยอมทำเรื่องผิดกฎหมายเลยก็มีอย่างในกรณีนี้

โดนปรับร่วม 200,000 บาท

อ้างอิงจากรายงานเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา จาก Meduza สำนักข่าวรัสเซียได้เผยว่า มีผู้ชายคนหนึ่งถูกปรับ 450,000 รูเบิลรัสเซีย (ประมาณ 7,000 ดอลลาร์ หรือ 210,000 บาท) เนื่องจากเขาพยายามขุด Bitcoin ด้วยการใช้ Supercomputer ของที่ทำงานของเขา ซึ่งเขาเป็นพนักงานที่ศูนย์วิจัยนิวเคลียแห่งหนึ่งในเมือง Sarov

Sarov นั้นอยู่ห่างออกไปถึง 230 ไมล์จากทางทิศตะวันออกของกรุงมอสโกและเป็นเมืองปิดเนื่องจากเป็นศูนย์วิจัยอาวุธนิวเคลียร์นั่นเอง

คดีดังกล่าวถูกฟ้องไปที่ศาลเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา นักวิจัยดังกล่าวได้ถูกต้องโทษในข้อหาการเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์อย่างผิดกฎหมาย และการละเมิดกฎของการเก็บรักษาข้อมูลนั่นเอง พร้อมทั้งโดนปรับอย่างที่ระบุไว้ แต่ไม่ได้มีรายละเอียดว่าเขานั้นติดคุกด้วย

การแอบขุดคริปโตผิด ๆ มีมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทางศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติของอาร์เมเนียรายงานว่า บริษัทดังกล่าวได้แอบติดตั้งอุปกรณ์ขุดคริปโตในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ จนทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าไปกว่า 1.5 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,500,000 บาท) โดยทำมาเป็นระยะเวลากว่า 1.5 ปี

ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Cointelegraph ก็เคยรายงานว่า เจ้าหน้าที่มณฑลเสฉวนของจีนได้ทำการเข้าตรวจค้นเหมืองขุด Bitcoin ที่ถูกกล่าวหาว่าแอบขุดแบบผิดกฎหมาย และก็พบว่า มีเครื่องขุดคริปโตมากกว่า 30,000 เครื่องถูกติดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่นจนถูกดำเนินการต่อไป

ไม่ใช่แค่ปีนี้ เพราะในปีที่ผ่าน ๆ มา ก็ได้มีผู้คนมากมายพยายามแอบขุดคริปโตกันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นทั้งพนักงาน หรือเป็นบริษัทเลยก็ตาม เนื่องจากหากไม่นับเรื่องค่าไฟฟ้าที่เป็นต้นทุนหลัก ๆ ในการขุดแล้ว มันก็นับว่าเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว จึงไม่แปลกใจเท่าไรนักที่โมเดลแบบผิดกฎหมายนี้จึงกลายเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยเองยังคงไม่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น หรืออาจจะมีแต่ยังไม่มีการตรวจเจอก็เป็นได้

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น