ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะมีองค์กรหรือบริษัทไหนทำการยื่นเสนอที่จะสร้าง Bitcoin ETF ไปยังกลต. ของสหรัฐฯ มันก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าอยู่ทุกครั้งไป
ถึงแม้ในแต่ละคำร้องจะมีเหตุผลในการปฏิเสธที่แตกต่างกกันออกไป หนึ่งในเหตุผลที่มักจะติดมาด้วยเสมอคือการขาดความเชื่อใจในสินทรัพย์ของกลต. นั่นเอง
จากสถานการณ์ในปัจจุบัน มันก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมีการอนุมัติในเร็ว ๆ นี้ และผู้เชี่ยวชาญต่างกล่าวว่า มันจะไม่มี Bitcoin ETF อะไรทั้งนั้นจนกว่านาย Jay Clayton ประธานคนปัจจุบันของกลต. สหรัฐฯ เป็นคนให้อนุญาตมัน
อุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดของ Bitcoin ETF
นาย Jake Chervinisky ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์และเป็นผู้สนับสนุนของเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีการกระจายอำนาจ (Decentralized Digital Economy) เป็นหนึ่งในผู้ที่มองว่า นาย Jay Clayton นั้นเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการทำให้ Bitcoin ETF เกิดขึ้นจริง
นาย Chervinisky ได้เผยมุมมองของเขาลงใน Twitter ซึ่งเขามองประเด็นนี้ในแง่ลบ และบอกเป็นนัย ๆ ว่าชุมชนคริปโตควรจะถอนใจกับมันจะดีกว่า เพราะตราบใดที่นาย Clayton ยังดำรงตำแหน่งนี้อยู่ Bitcoin ETG ก็คงจะไม่มีวันเกิดขึ้น
“ในจุดนี้ มันก็คงสมเหตุสมผลแล้วแหละที่จะตั้งสมมุติฐานว่า ตราบใดที่นาย Jay Clayton ประธานคนปัจจุบันของกลต. สหรัฐฯ ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ เขาจะไม่มีวันอนุมัติ ETF ของ Bitcoin เลย”
นาย Chervinisky ได้ชี้ให้เห็นด้วยว่า อาจจะต้องรออีกประมาณเท่าไร ถึงจะมีความหวังอีกครั้ง:
“การดำรงตำแหน่งของนาย Clayton จะจบลงในวันที่ 5 มิถุนายน 2021 แต่ก็มีโอกาสที่จะยืดอายุไปได้อีก 18 เดือน”
เขาได้แนะนำองค์กรต่าง ๆ ด้วยว่า การยื่นขออนุมัติ Bitcoin ETF อีกครั้งทันทีหลังถูกปฏิเสธนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใชสำหรับตอนนี้:
“โดยปกติแล้ว เราจะเห็นการยื่นขออนุมัติ Bitcoin ETF ทันทีอีกครั้งเลยหากโดนปฏิเสธไป แต่ตอนนี้อาจจะถึงเวลาที่ต้องพักสัก 1 ปี”
At this point, it's reasonable to assume that Jay Clayton's SEC will never approve a bitcoin ETF.
His term ends on June 5, 2021, but could go another 18 months longer.
Usually we'd see new ETF proposals filed immediately after rejection, but it might be time to take a year off.
— Jake Chervinsky (@jchervinsky) October 10, 2019
นาย Chervinisky ได้วิเคราะห์ว่า สาเหตุที่นาย Clayton ไม่อนุมัติ Bitcoin ETF เสียทีนั้นมาจากความเชื่อว่า Bitcoin นั้นถูกปั่นหรือควบคุมได้:
“การที่จะทำให้ ETF ได้รับการอนุมัติในเร็ว ๆ นี้ ทางกลต. สหรัฐฯ ต้องเปลี่ยนมุมมองของเขา นาย Clayton เห็นด้วยกับมุมมองที่ว่า Bitcoin นั้นถูกควบคุมได้ง่าย และจำเป็นต้องมีข้อตกลงในการเฝ้าระวังร่วมกันในตลาดที่ได้รับการควบคุมก่อน”
To get ETF approval any time soon, the SEC would have to change its view on how sponsors can satisfy the Exchange Act. Chairman Clayton supports the current view, that bitcoin is susceptible to manipulation & surveillance-sharing agreements with regulated markets are required.
— Jake Chervinsky (@jchervinsky) October 10, 2019
ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กลต. สหรัฐฯ ก็ถูกวิจารณ์กันยกใหญ่ หลังจากที่ทำการปฏิเสธคำร้องสำหรับ Bitcoin ETF ของ Bitwise ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความหวังสุดท้าย
“นี่มันย้อนแย้งในตัวเองแบบสุด ๆ พวกเขาสามารถพิมพ์เงินโดยที่ไม่มีอะไรมาค้ำได้ แต่ Bitcoin กลับถูกเรียกเป็นสิ่งที่เข้าข่ายฉ้อโกง”
Bloodiest hypocrites, the can print money out of nowhere but call Bitcoin a fraudulent act.
— Captain Philips (@slydeblack) October 9, 2019
“แผนการโจมตีของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะเป็นการดีเลย์, ปฏิเสธ, ควบคุมแบบเข้มเกินจริง และการเก็บภาษีแบบเกินจริง ผมไม่แน่ใจว่าคริปโตจะอยู่ร่วมกับกฎหมายได้หรือไม่ นี่มันบ้าไปแล้ว”
jay clayton be like pic.twitter.com/HvcG3gpZow
—
BitMexicanSamurai
(@CryptGold) October 8, 2019
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการปฏิเสธ Bitcoin ETF ทุกครั้งไป แต่ก่อนหน้านี้ นาย Clayton ก็ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า ตลาดเริ่มที่จะเดินหน้าแก้ปัญหาในสิ่งที่กลต. สหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับช่องโหว่ของ Bitcoin ETF แล้ว แต่เขาก็ยังย้ำอยู่ดีว่า ‘ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องจัดการ’ ก่อนที่ความกังวลทั้งหมดของหน่วยงานจะหายไป และเข้าเกณฑ์กฎหมาย
Bitcoin ETF นั้นถูกเรียกว่าเป็นเหมือน Holy Grail หรือจอกศักดิ์สิทธิ์สำหรับตลาดคริปโตที่จะมาเปลี่ยนวงการคริปโตไปตลอดกาล เพราะมันจะเปิดโอกาสให้ทั้งนักลงทุนเจ้าใหญ่ หรือนักลงทุนทั่วไปสามารถเข้ามาลงทุนใน Bitcoin ได้โดยตรงอย่างถูกกฎหมาย และด้วยเหตุนี้เองมันจะเหมือนเป็นการเปิดประตูให้เงินจำนวนมหาศาลไหลเข้ามาในตลาด ทำให้ราคาของ Bitcoin รวมทั้งเหรียญอื่น ๆ อาจทะยาน FOMO อย่างรุนแรงอีกครั้งนั่นเอง
ในตอนนี้ก็ได้แต่ติดตามต่อไปว่า ท่าทีของนาย Clayton จะเปลี่ยนไปก่อนที่เขาจะหมดวาระหรือไม่ แต่ดูจากข่าวคราวทั้งหมดแล้ว คงไม่ใช่ในไม่กี่เดือนนี้อย่างแน่นอน
อ้างอิงจาก CoinMarketCap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ Bitcoin มีมูลค่าอยู่ที่ 8,355 ดอลลาร์ ลดลง 2.68 เปอร์เซ็นต์ และมีปริมาณการเทรดโดยรวมอยู่ที่ 19,697 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Bitcoin มีมูลค่าโดยรวมที่ 150,295 ล้านดอลลาร์
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น