นาย Christopher Wray FBI ของสหรัฐฯ แสดงหลักฐานต่อคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติว่าคริปโตเคอร์เรนซีนั้นเป็นภัยคุกคาม
เมื่อพูดถึงการนำเงินดิจิทัลมาใช้นาย Wray มองว่ามันเป็น “ประเด็นที่ใหญ่มาก ๆ และมันจะยิ่งเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นต่อไปอีกเรื่อย ๆ” ซึ่งส่วนตัวเขามองว่ากฎหมายจะไม่ได้เข้ามาช่วยแก้ไขประเด็นที่ FBI กังวล
ในตอนนี้คริปโตเคอร์เรนซีกำลังอยู่ในช่วงการพิจารณากรอบกำกับดูแลในสหรัฐ นอกจากจะพิจารณาว่าควรแบนมันหรือไม่ ภาครัฐยังคงรู้สึกสงสัยและเป็นกังวลเกี่ยวกับมัน ซึ่งเราได้เห็นแล้วจากกรณีของ Libra มันทำให้คนกลัวว่าสหรัฐอเมริกาจะล้าหลังหากไม่สามารถออกกฎเกณฑ์ที่เหมาะสมมากำกับดูแลคริปโตเคอร์เรนซีได้
จะมีการปิดกั้นเทคโนโลยีหรือไม่?
ด้านนาย Wray ก็พยายามมองสถานการณ์ของคริปโตเคอร์เรนซีด้วยความระมัดระวังและไม่ให้ล่วงล้ำไปกว่ากรอบที่เค้าจะตั้งไว้ ซึ่งเขามองว่ามันจะมีการปิดกั้นเทคโนโลยีหรือไม่นั้นเค้าไม่อาจรู้
แต่หลังจากที่ได้เฝ้ามองเทคโนโลยีมาได้ซักพัก เขามองว่ามันมีโอกาสที่สหรัฐอเมริกาอาจจะปิดกั้นหากไม่สามารถจะก้าวตามเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ทัน
ทางด้านของวุฒิสมาชิกนาย Mitt Romney (R-UT) เขาได้ยอมรับว่าไม่ได้รู้หลักการทำงานของคริปโตเคอร์เรนซีแต่เขามองว่าการทำธุรกรรมแบบไม่เปิดเผยตัวตนนี้เป็นประเด็นที่จะต้องจัดการ
“ผมไม่ใช่คณะกรรมการการธนาคาร ผมไม่รู้ว่าคริปโตเคอร์เรนซีทำงานอย่างไร แต่ผมมองว่ามันยากจัดการกับเงินเราไม่สามารถติดตามแหล่งที่มาได้เพราะเงินมันถูกซ่อนจากเรา”
มีภัยคุกคามอื่น ๆ ไม่ใช่แค่ Bitcoin
แม้ Bitcoin อาจจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น โปแกรมพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ แต่นี่ไม่ใช่วิธีการเดียวที่จะทำเงินผ่านการกระทำที่ผิดกฎหมาย
นาย Peter Dutton รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลียได้ออกมาให้ความเห็นว่าการใช้เทคโนโลยีทางการเงินอาจนำไปสู่คุกคามต่อความมั่นคงของชาติด้านอื่นอีกอีก เช่น บัตรสะสมมูลค่า, ระบบการชำระเงินออนไลน์, แพลตฟอร์มการระดมทุนและสกุลเงินดิจิทัล
“คุณสมบัติที่ไม่เปิดเผยตัวตนของคริปโตเคอร์เรนซีจะทำให้ผู้ก่อการร้ายใช้มันเป็นเครื่องมือในการอำพรางกิจกรรมที่ผิดกฎหมายของตน” เขากล่าว
นาย Wray ก็ได้มองเห็นปัญหานี้เช่นกันพร้อมกับกล่าวว่า FBI กำลังจับตาดูคริปโตอย่างใกล้ชิดพร้อมกับใช้เครื่องมือที่เรามีเพื่อติดตามการหมุนเวียนของเงิน
ที่มา : beincrypto
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น