เนื้อหาสำคัญ
- Binance ได้เข้าซื้อกิจการ WazirX กระดานเทรดคริปโตของอินเดีย
- ข้อตกลงนี้จะช่วยให้ชาวอินเดียสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลด้วยสกุลเงินท้องถิ่นได้
- นาย Nischal Shetty CEO ของ WazirX ให้สัมภาษณ์กับสื่อข่าว The Block ว่า Binance ได้กลายเป็นเจ้าของ WazirX แบบ 100% แต่หลังบ้านจะยังคงทำงานอย่างอิสระ
Binance เตรียมกลายเป็นกระดานเทรดคริปโตเคอเรนซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยวอลุ่มการซื้อขายที่ได้รับมาจาก WazirX กระดานเทรดคริปโตของอินเดียเพื่อเปิดให้บริการประชาชนกว่า 1 พันล้านคนทั่วประเทศ
อ้างอิงจากการประกาศที่เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า การซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยให้ชาวอินเดียสามารถซื้อและขายคริปโตเคอเรนซี่ด้วยสกุลเงินท้องถิ่น-รูปีอินเดีย (INR) ซึ่งจะเริ่มต้นเปิดให้บริการในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้
นาย Nischal Shetty CEO ของ WazirX ให้สัมภาษณ์กับทาง The Block ว่า Binance ได้กลายเป็นเจ้าของ WazirX แบบ 100% แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับข้อตกลง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าราคาการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะอยู่ที่ราว ๆ 5-10 ล้านดอลลาร์
นาย Shetty กล่าวเสริมด้วยว่าสมาชิก WazirX ทั้ง 20 รายจะได้รับการว่าจ้างจากทาง Binance ต่อไป โดยพวกเขาจะได้ทำงานอย่างอิสระและมุ่งเน้นไปที่ภารกิจของตัวเอง “ เพื่อให้ทุกคนในอินเดียมีส่วนร่วมในการปฏิวัติคริปโต”
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะเพิ่มเกตเวย์ fiat-to-crypto ไปยัง Binance “สกุลเงินท้องถิ่นนั่นมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการตัดสินใจที่จะขยายอาณาเขตการยอมรับของ ตลาดคริปโต ซึ่ง Binance เป็นเจ้าของนักเทรดรายใหญ่ทั้งหมดในโลกและ WazirX ก็ได้กำลังทดลองการทดสอบเทคโนโลยีสำหรับการแลกเปลี่ยนแบบ peer-to-peer กับคนรุ่นต่อไปด้วยการใช้สกุลเงินท้องถิ่น” กล่าวโดยนาย Siddharth Menon CEO ของ WazirX
การวางแผนล่วงหน้า
ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2020 Binance มีแผนที่จะรวมเครื่องมือ auto-matching แบบ peer-to-peer ของ WazirX เข้ากับแพลตฟอร์มเกตเวย์ของเงินท้องถิ่นเพื่อให้ประชากรชาวอินเดียสามารถเข้าถึงคริปโตเคอเรนซี่ได้อย่างง่าย ๆ การรวมเข้าด้วยกันในครั้งนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อเหรียญ Tcoin (USDT) กับ USD ได้ผ่านทาง WazirX และแลกเปลี่ยน USDT กับสกุลเงินคริปโตใด ๆ ที่มีอยู่ใน Binance.com
“ในเฟสต่อไปของการยอมรับคริปโตจำนวนมากจะเกิดขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนาทั่วโลก อินเดียที่มีผู้คนมากกว่าหนึ่งพันล้านคนที่ให้การยอมรับคริปโตและการมาของ Binance จะทำให้เรามีโอกาสนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะให้ความสำคัญกับอินเดียเท่านั้น แต่ทุกประเทศที่กำลังพัฒนาก็จะได้รับโอกาสนี้เช่นเดียวกัน” นาย Shetty กล่าว
นาย Changpeng CEO ของ Binance หรือที่เราเรียกติดปากว่า “CZ” ได้กล่าวว่า: “กลุ่มประชากรรุ่นเยาว์ในอินเดียจะได้มาซึ่งความได้เปรียบในการนำเทคโนโลยีทางการเงินใหม่มาใช้และส่วนตัวผมเชื่อว่าการรวมกิจการในครั้งนี้จะมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมบล็อกเชนระดับโลกและการนำคริปโตเคอเรนซี่ไปใช้ภายในประเทศ”
WazirX ได้ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2018 บริษัทได้เติบโตขึ้นอย่างมากในด้านวอลุ่มการซื้อขายและการยอมรับ “ปัจจุบันเรามีวอลุ่มการซื้อขายรายเดือนอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์และเป็นแอพมือถือที่ติดอันดับต้น ๆ ในอินเดียโดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.4 และมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นมากกว่า 200,000 ครั้ง” นาย Shetty กล่าวในระหว่างให้สัมภาษณ์กับทางสื่อข่าว The Block
WazirX ยังได้มีแผนที่จะยุติการขายเหรียญ WRX ของพวกเขา ซึ่งปัจจุบันมีไว้ให้สำหรับผู้ใช้ด้วยวิธีการเทรด , การขุดและการลงชื่อเข้าสมัครใช้ โดยนาย Shetty ให้สัมภาษณ์กับทาง The Block ว่าเหรียญ WRX นั่นเป็น “ยูทิลิตี้โทเค็น” และปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 64,000 รายที่ถือโทเค็นนี้อยู่
คริปโตเคอเรนซี่ในอินเดีย
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางด้านกฎระเบียบของคริปโตในประเทศอินเดีย โดยเมื่อเดือนเมษายน 2018 ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของประเทศได้สั่งห้ามไม่ให้บริษัทเปิดให้บริการกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตและซื้อขายสกุลเงินคริปโต นับตั้งแต่นั้นมาก็มีกระดานแลกเปลี่ยนหลายแห่งยื่นอุทธรณ์ตามกฎหมายเพื่อทักท้วงการแบนของ RBI แต่เรื่องนี้ก็ยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณาในศาลฎีกาของอินเดีย ซึ่งการพิจารณาคดีครั้งต่อไปจะมีขึ้นในเดือนมกราคม
ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบได้มีผลบังคับกับกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตหลายแห่ง ซึ่งนั่นรวมถึง Koinex, Coindelta, Coinome และ Zebpay
รัฐบาลอินเดียเพิ่งได้เสนอร่างกฎหมายแบนการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล รวมทั้งเสนอให้จำคุก 10 ปีสำหรับการใช้สกุลเงินดิจิทัล
แต่นาย Shetty ก็ยังคงหวังว่าสถานการณ์ในอินเดียจะดีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยเขาให้สัมภาษณ์กับทาง The Block ว่า: “ผมเปิดใช้งานแฮชแท็กแคมเปญ #IndiaWantsCrypto บน Twitter มานานกว่าหนึ่งปีแล้วและจะดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ มันได้รับความสนใจอย่างมากในระบบนิเวศคริปโต นอกจากนี้เรายังได้พบกับสมาชิกรัฐสภาและเราจะดำเนินการต่อไปพร้อมกับ Binance เนื่องจากพวกเขามีประสบการณ์ในการติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก”
ที่มา : theblockcrypto
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น