MoneyGram International หรือที่ทุกคนเรียกว่า “MoneyGram” ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทโอนเงินรายใหญ่ที่สุดของโลกได้เปิดเผยว่า Ripple ได้มีการลงทุนเพิ่มอีก 20 ล้านดอลลาร์ในส่วนอื่น ๆ ของ MoneyGram เพื่อช่วยเพิ่มวอลุ่มและการใช้งานของเหรียญ XRP ที่ขับเคลื่อนด้วยผลิตภัณฑ์ “On-Demand Liquidity” (ODL)
Ripple ได้มีการประกาศไปเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนว่าพวกเขาได้เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับทาง MoneyGram ซึ่งตามเงื่อนไขของข้อตกลงนี้ Ripple จะต้องลงทุนเงินในครั้งแรกเป็นจำนวนทั้งสิ้น 30 ล้านดอลลาร์ให้กับทาง MoneyGram โดยทำการซื้อหุ้นของบริษัทที่ราคา 4.10 ดอลลาร์ต่อหุ้น (หรือประมาณสามเท่าของมูลค่าตลาด) และในอีกสองปีข้างหน้า MoneyGram จะมีตัวเลือกให้ Ripple ได้ลงทุนอีก 20 ล้านดอลลาร์ (ด้วยการซื้อหุ้นของบริษัทที่ 4.10 ดอลลาร์ต่อหุ้นเช่นเดิม)
แต่ทว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (วันที่ 25 พฤศจิกายน) MoneyGram ได้มีการประกาศว่า Ripple ได้ทำการ “ลงทุนรอบสุดท้ายให้กับ MoneyGram เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 20 ล้านดอลลาร์” โดย Ripple ได้ทำการซื้อหุ้นที่ 4.10 ดอลลาร์ต่อหุ้นสำหรับหุ้นตัวใหม่ของ MoneyGram ที่มีชื่อว่า MoneyGram common stock (MGI) ซึ่งได้ปิดราคาที่ 3.00 ดอลลาร์ในวันที่ 25 พฤศจิกายน
ด้วยการลงทุนครั้งล่าสุดนี้ Ripple จะได้ “ถือครองหุ้นของ MoneyGram อยู่ถึง 9.95 เปอร์เซ็นต์และหุ้นสามัญอีกกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม รวมถึงใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ได้รับการถือครองโดย Ripple”
นอกจากนี้ MoneyGram ยังกล่าวในแถลงการณ์อีกด้วยว่าการระดมทุนในครั้งนี้ “จะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ MoneyGram เนื่องจากบริษัทยังคงต้องการที่จะเพิ่มวอลุ่มการใช้งานของ On-Demand Liquidity ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ Ripple ที่เข้ามาช่วยยกระดับสินทรัพย์ XRP ให้สามารถส่งเงินไปทั่วโลกได้ทันทีและสามารถเชื่อถือได้”
นาย Alex Holmes ประธานและซีอีโอของ MoneyGram กล่าวว่า :
“การร่วมมือกันกับ Ripple จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับการโอนเงินแบบดั้งเดิมและอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ทำการชำระเงินภายในไม่กี่วินาที ความสำเร็จในครั้งนี้ได้กระตุ้นให้เราเร่งขยายการใช้งานผลิตภัณฑ์ On-Demand Liquidity ของเรา ทั้งนี้บริษัท Ripple ได้ให้การสนับสนุนนวัตกรรมและยังช่วยให้เราสามารถลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้า ผมคาดหวังว่าการเติบโตของเรานำไปสู่เส้นทางใหม่และการสำรวจผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ”
อ้างอิงจากโพสต์บล็อกของ Ripple เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่สองของการประชุม Swell 2019 (วันที่ 7-8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา) โดยช่วงเวลาที่อยู่ในสิงคโปร์นาย Holmes ได้พูดคุยกับนาย Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple เกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานของ MoneyGram สำหรับการใช้งานผลิตภัณฑ์ ODL ของ Ripple ในการทำธุรกรรม
โดยนาย Holmes ได้พูดคุยเกี่ยวกับตลาดการโอนเงินทั่วโลกว่า :
“สิ่งที่ผมแปลกใจที่สุดก็คือผู้เล่นแบบดั้งเดิมนั้นจะต้องเผชิญกับแรงกดดันมากมายในการโอนเงินไปยังทั่วโลก เนื่องจากการประสานงานระหว่างสถาบันการเงินนั่นยังมีไม่มากและเราควรมีวิธีแก้ปัญหาเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ซึ่งในขณะนี้บริษัทจำนวนมากกำลังมองหาสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้อย่างที่มันควรจะเป็น”
ต่อมานาย Holmes ได้พูดถึงห้องปฏิบัติการด้านนวัตกรรมของบริษัทว่ามันสามารถสำรวจการใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อปรับปรุงการบริการของบริษัทได้อย่างไร :
“เรากำลังโยกย้ายระบบดั้งเดิมของเราไปยังคลาวด์และสำรวจว่าเราจะใช้เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทของบล็อกเชนเพื่อปรับปรุงระบบหลักของเราได้อย่างไร”
นอกจากนี้เขายังได้แสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ODL ของ Ripple ซึ่งจะใช้เหรียญ XRP เป็นสะพานสำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดน :
“สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ ODL คือการที่เราได้อยู่ในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยีนี้ เราสามารถชำระเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ได้ภายในไม่กี่วินาที ซึ่งนี่แหละคือความพิเศษของการจับคู่ธุรกรรมระหว่าง MoneyGram และผลิตภัณฑ์ ODL ของ Ripple”
ยิ่งไปกว่านั้นนาย Holmes ยังได้มีการประกาศบนเวทีที่ Swell 2019 อีกด้วยว่า “บริษัทกำลังเคลื่อนย้ายวอลุ่มกว่า 10% ไปยังประเทศเม็กซิโกผ่านทางแพลตฟอร์ม ODL และวางแผนที่จะขยายเป็นเส้นทางใหม่เพิ่มอีกสี่แห่งภายในช่วงสิ้นปีนี้”
ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ MoneyGram ได้มีการเปิดเผยว่าบริษัทได้เริ่มดำเนินการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ซึ่งรวมถึงยุโรป , ออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ นับตั้งแต่ที่มีได้มีการประกาศร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับทาง Ripple ในเดือนมิถุนายน 2019
ในส่วนของนาย Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple ได้กล่าวว่า:
“เมื่อเดือนที่แล้วเราได้ประกาศว่า MoneyGram จะเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ On-Demand Liquidity เพื่อชำระเงินให้กับฟิลิปปินส์และเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนสนับสนุนการขยายตัวของ MoneyGram ไปยังเส้นทางใหม่ ๆ ในยุโรปและออสเตรเลีย สินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพที่จะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อการชำระเงินข้ามพรมแดน ซึ่ง MoneyGram และ Ripple เป็นต้นแบบของสิ่งเหล่านั้น”
ที่มา : cryptoglobe
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น