<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

บัตรเครดิตระดับโลก JCB ทุ่มงบพัฒนาระบบ DLT เพื่อใช้ในตลาด B2B ขนาด 10 ล้านล้านดอลลาร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อย่างที่เราทราบกันดีว่าในทุกวันนี้ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Blockchain  กำลังได้รับความสนใจไม่ว่าจะจากทั้งตัวบุคคลทั่วไป ผู้ที่เทรดคริปโตเคอเรนซี่ หรือแม้แต่ปลาใหญ่อย่างบริษัทที่มีทุนหน่า รวมไปถึงรัฐบาลต่างก็ต้องลงมาศึกษาเรื่องราวของสุดยอดเทคโนโลยีนี้ 

แน่นอนที่พวกเขาเลือกที่จะลงมาศึกษาก็เพื่อที่จะนำเทคโนโลยี blockchain ไปปรับใช้ให้เข้ากับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของพวกเขาเองและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย 

ซึ่งแน่นอนว่าอุตสาหกรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และมีเพียงแต่ต้องเข้าร่วมขบวนรถเทคโนโลยี Blockchain ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตามนั้นก็คือในส่วนของการเงินและธนาคารต่าง ๆ เพื่อแข่งขันและเป็นที่หนึ่งของวงการต่อไป 

โดยล่าสุดนั้นเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ JCB หนึ่งในบริษัทที่เป็นผู้ออกบัตรเครดิตชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น ได้มีการวางแผนที่จะใช้ปรับปรุงการชำระเงินแบบ business-to-business (B2B) โดยการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในบริษัทของพวกเขาแล้ว 

โดยทางด้านของ JCB ได้มีการออกมาลงนามใน Memorandum of Understanding (MoU) กับแพลตฟอร์มการชำระเงินในเชิงพาณิชย์ชื่อดังอย่าง Paystand เพื่อที่จะมุ่งมั่นในการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับชำระเงินระหว่างองค์กรและลูกค้าในญี่ปุ่นทั้งหมด ตามที่ Cointelegraph Japan ได้รายงานวันที่ 20 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา 

จุดประสงค์หลัก ๆ ของ JCB ในความร่วมมือครั้งนี้ก็คือเพื่อริเริ่มที่จะลดค่าใช้จ่ายและความล่าช้าในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ pre-internet technology สำหรับตลาด B2B ในประเทศญี่ปุ่นที่มีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์ 

โดยเจ้าโปรเจกต์ใหม่ระหว่างบริษัทบัตรเครดิตชื่อดังกับแพลตฟอร์มการชำระเงินด้วย Blockchain เกิดขึ้นเพื่อมุ่งเป้าหมายไปที่การตัดส่วนที่ไม่จำเป็นในเรื่องของค่าใช้จ่ายทิ้งรวมไปถึงนำเอาความล่าช้าที่เกิดจากการทำงานแบบ pre-internet technology ซึ่งยังคงถูกใช้งานกันอยู่ในตลาด B2B ของญี่ปุ่นที่มีมูลค่า 10 ล้านล้านล้านดอลลาร์ที่ยังคงถูกครอบงำด้วยธุรกรรมเงินสด 

ทางด้าน CEO ของ Paystand นาย Jeremy Almond กล่าวในการประกาศอย่างเป็นทางการ จากข้อมูลของผู้บริหารพบว่ามีเพียง 1% ของการชำระเงินเชิงพาณิชย์ในญี่ปุ่นเท่านั้นที่ทำผ่านบัตรเครดิต

การร่วมมือกันระหว่าง Paystand กับ JCB เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการชำระเงินทางธุรกิจ B2B ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิตอลโดยองค์กรต่างๆ Almond กล่าว

ด้วยเจ้าเครื่องมือใหม่นี้ที่กำลังถูกพัฒนา จะถูกนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาแทรกซ้อนบางอย่างในตลาดการชำระเงินแบบ B2B ที่เกี่ยวข้องกับการปรับขึ้นภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นที่ประกาศใช้ในต้นเดือนตุลาคม 2562 ตามการประกาศก่อนหน้านี้

Paystand ขยายโครงการที่ใช้ Blockchain ไปยังเอเชีย

ขณะนี้แพลตฟอร์มการชำระเงินที่ใช้บล็อกเชนของ Paystand ได้รับการยอมรับจาก บริษัทมากกว่า 150,000 แห่งในสหรัฐอเมริกาม , แคนาดา และเม็กซิโก 

โดยการเป็นพันธมิตรกับ JCB บริษัทชั้นนำในญี่ปุ่น คาดว่าจะส่งผลและมีแรงผลักดันอย่างมากในตลาดเอเชียเนื่องจาก Paystand คาดการณ์ว่าลูกค้า 130 ล้านคนของ JCB จะคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 80% กล่าวโดยโฆษกของ Paystand กล่าวใน Emial ถึง Cointelegraph 

ในขณะเดียวกันบริษัท JCB ได้ทำตามขั้นตอนบางอย่างเพื่อใช้เทคโนโลยี Blockchain  ในปี 2018 บริษัทบัตรเครดิตได้รับการรายงานเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อเครือข่าย blockchain แยกกันเพื่อแบ่งปันความจุที่มากเกินไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการรับส่งข้อมูลจำนวนมากบนบัญชีแยกประเภทเดียว 

อย่างที่เราเห็นกันว่าเริ่มมีความเคลื่อนไหวด้าน Blockchain ที่มากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าเทคโนโลยีจะยิ่งใกล้ตัวเรามากขึ้นและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราอย่างแน่นอนครับ

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น