จากรายงานข้อมูลล่าสุดของเว็ปไซต์ LearnBonds.com ประจำเดือนมกราคม 2020 พบว่า สหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นผู้นำในแง่ของตู้ Bitcoin ATM ไปแล้ว โดยสหรัฐอเมริกานั้นครองส่วนแบ่งของตู้ Bitcoin atm ไปแล้วกว่า 66% จากทั่วโลก ซึ่งได้ประเมินจากตู้ ATM ที่ติดตั้งแล้วทั้งหมด 4,274 เครื่อง
ตามมาด้วยประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่สองที่มีตู้เอทีเอ็มกว่า 678 เครื่อง (10.5%) ในขณะที่ประเทศอังกฤษได้กลายเป็นอันดับสามด้วยตู้เอทีเอ็มที่มีทั้งหมด 283 เครื่อง (4%) และประเทศออสเตรียที่มีการติดตั้งตู้เอทีเอ็มไปแล้ว 184 เครื่อง ปิดท้ายด้วยสวิตเซอร์แลนด์ที่ครองตำแหน่งอันดับห้าด้วยการติดตั้งตู้เอทีเอ็มทั้งหมด 84 เครื่อง (1.3%)
ประเทศชั้นนำอื่น ๆ ที่มีตู้ Bitcoin atm ส่วนใหญ่ได้แก่ สาธารณรัฐเช็ก (71 เครื่อง), สเปน (71 เครื่อง), กรีซ (66 เครื่อง), เยอรมนี (59 เครื่อง) และโปแลนด์ (55 เครื่อง)
ในปีที่ผ่านมามีการติดตั้งตู้ Bitcoin atm ใหม่ขึ้นเพิ่มถึง 2,351 เครื่องทั่วโลก ซึ่งนั่นคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในรอบปีที่ผ่านมา
ส่วนเอเชียเมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกาแล้ว ทั้งทวีปมีการติดตั้งตู้ Bitcoin atm เพียงแค่ 133 เครื่องเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นเพียง 2.1% ของจำนวนตู้ Bitcoin atm ทั้งหมดจากทั่วโลก
อย่างที่เราทราบกันดีว่าจีนกำลังจะเป็นผู้นำด้านการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในชีวิตประจำวัน แต่ถึงกระนั้นตัวเลขการติดตั้งตู้ Bitcoin atm ในทวีปเอเชียกลับไม่เติบโตเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ในอนาคตตู้ Bitcoin atm จะได้รับการยอมรับหรือไม่ ?
Bitcoin ATM นั้นมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้คน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าตู้เอทีเอ็มส่วนใหญ่นั้น มักจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับบัตรเดบิตที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี่อยู่เสมอ
แต่สำหรับคำถามที่ว่าตู้ Bitcoin atm นั้นจะได้รับความนิยมในอนาคตหรือไม่ ? มันยังเป็นคำถามที่ใครหลายคนกำลังพยายามหาคำตอบกันอยู่ในขณะนี้
เนื่องจากตู้ Bitcoin ATM นั้นมีค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างแพงและส่วนใหญ่มักถูกกำหนดโดยผู้ประกอบการและกระดานแลกเปลี่ยน ซึ่งนี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนไม่นิยมใช้ตู้ Bitcoin atm กันมากนัก
นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าในอนาคตผู้คนจะหันไปใช้ทางเลือกของแอพพลิเคชั่นมือถือกันซะมากกว่า แทนที่จะใช่แบบดั้งเดิมอย่างตู้ Bitcoin ATM ดังนั้นมันเป็นไปได้ว่าในอนาคตข้างหน้านี้ Bitcoin atm อาจจะไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตามเวลาเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสิน
ที่มา : learnbonds
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น