<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Fortune จัดอันดับให้บริษัท Ripple เป็นหนึ่งในสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดในปี 2020

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทด้านบล็อกเชนยักษ์ใหญ่ด้านบล็อกเชนที่เรารู้จักกันดี ‘ Ripple’ ได้ติดโผอยู่ในรายชื่อหนึ่งในสถานที่การทำงานขนาดเล็กและขนาดกลางที่ดีที่สุดในซานฟรานซิสโก โดยนาย Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple กล่าวว่า “ทุกวันนี้เขารู้สึกต่ำต้อยอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อของบริษัท” 

ปัจจุบัน Ripple เป็นบริษัทด้านคริปโตเคอเรนซี่เพียงบริษัทเดียวที่มีรายชื่อติดอยู่ในอันดับที่ 25 ของ Fortune สำหรับสถานที่การทำงานที่ดีที่สุดของปีนี้

“บริษัทมีการบริหารจัดการที่มีความโปร่งใสอยู่เสมอสำหรับพนักงาน ซึ่งเป็นไปด้วยดีสิ่งที่ดีและไม่ดี ซึ่งบริษัทมีการมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการซื่อสัตย์กับตัวเอง ซึ่งนั้นได้ช่วยให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง” หนึ่งในคำกล่าวยกย่องบริษัท Ripple

ความก้าวหน้าของบริษัท Ripple 

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมาทาง Fortune ได้จัดอันดับให้ Ripple เป็นหนึ่งในบริษัทบริเวณเขตเบย์แอเรียที่ดีที่สุดสำหรับการทำงาน ซึ่งนั่นเป็นการแซงหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่รายอื่น ๆ เช่น Nvidia และ Hilton 

นอกจากนั้นแล้วในเดือนเดียวกันนี้นิตยสารด้านธุรกิจชื่อดัง Forbes ก็ได้ตีพิมพ์ลิสต์บริษัทนามว่า Fintech 50 โดยชูบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดแห่งปี 2019 และรวมถึงบริษัทด้าน blockchain ทั้งหมด 6 บริษัท ซึ่งหนึ่งในนั้นมี Ripple ติดโผอยู่ด้วย :

  • IT Technology Review ได้ใส่ชื่อของ Ripple เข้าไปในลิสต์ “50 บริษัทที่ฉลาดที่สุดแห่งปี 2014
  • เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 Ripple นั้นได้รับรางวัลจาก World Economic Forum เนื่องในโอกาสที่พวกเขาเป็น “Technology Pioneer” โดยรางวัลดังกล่าวจะถูกมอบให้กับบริษัทด้านเทคโนโลยีทั่วโลกที่สามารถแสดงถึงความสามารถในการสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน รวมถึงการสร้างโซลูชั่นในการพัฒนาสังคมและอนาคตอีกด้วย
  • เมื่อเดือนธันวาคมปี 2015 Ripple ได้อยู่บนลิสต์ “Fintech 50” ของ Forbes ซึ่งนั่นหมายความว่าปีนี้ถือเป็นครั้งที่สอง
  • เมื่้อเดือนมิถุนายนปี 2016 นิตยสาร Fortune เรียก Ripple ว่าเป็นหนึ่งใน “5 บริษัทด้าน Fintech ที่ร้อนแรงที่สุด

ย้อนกลับไปในเดือนกันยายนปี 2012 นาย Chris Larsenและนาย Jed McCaleb ได้ก่อตั้งบริษัทด้านฟินเท็คนามว่า OpenCoin ขึ้นมาหลังจากนั้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2013 นาย McCaleb ก็ลาออกจากบริษัทตัวเองและเมื่อวันที่ 26 กันยายนในปีเดียวกัน OpenCoin ก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อไปเป็น Ripple Labs (“Ripple”) 

Ripple เป็นบริษัทที่มุ่งมั่นอย่างมากที่จะปฏิวัติระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบดั้งเดิม ซึ่งบริษัทได้เปิดตัวการระดมทุนสตาร์ทอัพและได้รับเงินทุนเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์ จนกระทั่งในปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าเติบโตเพิ่มสูงขึ้นถึง 10,000 ล้านดอลลาร์แล้วในขณะนี้

ในปี 2019 บริษัท Ripple มีพนักงานในอเมริกาอยู่ที่ราว ๆ 235 คน แต่ถึงอย่างนั้น บริษัทก็ได้สูญเสียสมาชิกในทีมคนสำคัญไปบางส่วน รวมถึงนาย Evan Schwartz ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยี Interledger ซึ่งเขาได้มีทำงานร่วมกับบริษัท Ripple มายาวนานถึง 6 ปีครึ่งเลยทีเดียว

ที่มา : u.today

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น