บริษัท Ripple ได้ออกมาเผยว่าพวกเขานั้นมีแผนการที่จะขยายเครือข่ายระบบการจ่ายเงินด้วย XRP หรือ XRP Payment Network มากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ อ้างอิงจาก XRP Market Reports
โดยปกติแล้วนั้นบริษัท Ripple มักจะเน้นไปที่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเงิน สถาบันการเงิน ธนาคารต่าง ๆ เพื่อให้ใช้ผลิตภัฒฑ์ของพวกเขาซึ่งหากให้นับเเล้วพวกเขาก็มีแต่เจ้าใหญ่ ๆ ทั้งนั้น เพราะแม้แต่ในประเทศไทยเองก็ยังมีเช่นกันธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB
นอกจากนี้แล้วผู้บริหารระดับสูงของ Ripple ยังได้เผยอีกว่าจะเข้ามาทำการตลาด XRP ในไทยปีหน้า และหากไม่มีอะไรผิดพลาดพวกเขาจะพยายามหาพันธมิตรเป็นเว็บเทรดคริปโตเคอเรนซี่อีกด้วย เรียกได้ว่าทำการตลาดกันอย่างเเข็งขันสุด ๆ
ซึ่งมันเป็นที่แน่นอนว่าพวกเขาดูจะค่อนข้างจริงจังกับการสร้างพันธมิตรและขยายขอบเขตการใช้งานผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นอย่างมากในปี 2020 นี้ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคไหน ๆ ก็ตามซึ่งรวมไทยไปด้วย
ล่าสุดทางด้านของ Ripple ได้กล่าวไว้ว่าพวกเขาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์การชำระเงินข้ามพรมแดนที่ใช้ XRP ทั่วโลกในปี 2020
ในรายงานตลาดของ XRP ล่าสุดบอกไว้อีกว่าพวกเขาเตรียมที่จะมีการเปิดการชำระเงินแบบ Real Time ให้กับแต่ละภูมิภาคตลอดทั้งปีเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง On-Demand Liquidity (ODL) โดยมีโซนที่ได้รับการสนใจดังนี้ :
- Asia-Pacific
- Europe
- Middle East
- Africa
- Latin America
โดยในปัจจุบันนี้ระบบดังกล่าวของ Ripple ที่ช่วยในการชำระเงินระหว่างประเทศได้ถูกนำมาใช้กับระหว่าง US, Mexico และ Philippines อีกทั้งยังมีในบริษัทชั้นนำอย่าง goLance, Viamericas, MoneyGram, Interbank Peru และ FlashFX
โดยระบบสภาพคล่องดังกล่าวของ XRP มีการเปิดตัวเมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมาและในช่วงปี 2019 มีการเพิ่มขึ้นของการใช้งานระบบ On-Demand Liquidity (ODL) สูงถึง 550 เปอร์เซ็นต์ โดยจำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้นเกือบ 300% ในไตรมาสก่อน
Ripple กล่าวว่า ODL มีศักยภาพที่จะทำให้ธนาคารและรัฐวิสาหกิจมีวิธีการใหม่ในการเพิ่มทุน แทนที่จะรักษาบัญชีธนาคารที่ได้รับการสนับสนุนล่วงหน้าในหลาย ๆ ประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินในประเทศอย่างรวดเร็วธนาคารและสถาบันการเงินสามารถใช้ความเร็วของ XRP และชำระธุรกรรมในสามวินาทีในขณะที่ให้ลูกค้าประหยัดได้ถึง 60%
ทั้งหมดนี้ดูเป็นอีกก้าวที่ดีของ Ripple และ XRP เป็นอย่างมากและหากทุกอย่างยังคงเป็นไปได้ดีแบบนี้ละก็ในเรื่องของราคาที่ลงมาเยอะพอสมควรก็อาจจะมีการฟื้นตัวมากขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ เหล่านี้และทำให้นักลงทุนทั้งหลายกลับมาสนใจและเห็นความสำคัญของเจ้าเหรียญอันดับที่ 3 ของโลกคริปโตเคอเรนซี่ก็เป็นได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น