PlanB ผู้สร้างโมเดล Stock-to-Flow ได้ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์เผยว่าการใช้ Sharpe ratio กับ Bitcoin เพื่อดูผลกำไรจากสินทรัพย์เมื่อมีความเสี่ยงเกิดขึ้นนั้นพบว่า Bitcoin ทำผลกำไรตอบแทนได้มากกว่าตราสารหนี้, ทองคำหรือแม้แต่หุ้น FAANG
They really should be calculated inside the same time period IMO, as Bitcoin has only ever existed inside a macro bull market, while many of those stocks weathered a financial crisis in 2008 and one or more bear markets which contributed to their Sharpe calculation.
— Willy Woo (@woonomic) January 25, 2020
เมื่อเขาออกมาโพสต์เช่นนั้นก็ทำให้มีคนไม่เห็นด้วยมากมาย เช่น Willy Woo ก็ออกมาโต้ว่าระยะเวลาในการคำนวณมันไม่สามารถนำมาตัดสินแบบนั้นได้ Bitcoin มันเกิดมาช่วงเวลาสั้นๆ ท่ามกลางตลาดขาขึ้นในภาพใหญ่เท่านั้น ส่วนพวกสินทรัพย์เหล่านั้นมันได้ผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2008 มาแล้ว
They really should be calculated inside the same time period IMO, as Bitcoin has only ever existed inside a macro bull market, while many of those stocks weathered a financial crisis in 2008 and one or more bear markets which contributed to their Sharpe calculation.
— Willy Woo (@woonomic) January 25, 2020
ทั้งนี้ Sharpe ratio นั้นถูกคิดค้นขึ้นโดยนักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล William F. Sharpe เพื่อนำมาพิจารณาผลตอบแทนของพอร์ตโฟลิโอ้จากสินทรัพย์ที่ลงทุน หากสินทรัพย์ใดที่มี Sharpe ratio สูงๆ นักลงทุนก็จะสนใจเป็นพิเศษเพราะมันหมายถึงว่าสินทรัพย์นั้นๆ ให้ผลตอบแทนสูง
จากกราฟข้างใต้จะเห็นว่า Sharpe ratio นั้นแทบจะเป็นศูนย์เมื่อสินทรัพย์ที่พิจารณาคือพันธบัตรสหรัฐฯ และทองคำเพราะมันผันผวนน้อยมาก ดังนั้นหากมันมีความเสี่ยงต่ำหรือแทบไม่มีความเสี่ยงเลยนั่นหมายความว่าสินทรัพย์นั้นให้ผลกำไรน้อย
นอกจากนี้แล้วนักวิเคราะห์ก็ยังโต้แย้งความเห็นของ PlanB ว่ามันยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนมากเพียงพอ เพราะข้อมูลที่ PlanB ใช้มันเป็นข้อมูลของปี 2018-2019 ไม่ได้รวมข้อมูลช่วงตลาดล่มของปี 2008 ด้วย รวมถึงช่วงฟองสบู่ dot com ในช่วงปลายปี 90 ซึ่งสภาพตลาดแย่กว่าตลาดขาลงของคริปโตในปี 2018 มากๆ
Would indeed be better to use the same time period, but it would lead to practical issues. If we take 2009-2019 data, we would miss S&P -40% drop in 2008 and the dot,com -80% drop in 2000. If we take the full 50 years of bonds, gold and S&P, we miss FAANG and bitcoin.
— PlanB (@100trillionUSD) January 26, 2020
ด้านของ Nassim Nicholas Taleb ก็ได้ออกมาโต้แย้งว่าจะนำ Sharpe ratio มาใช้กับ Bitcoin ไม่ได้มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
True, Sharpe doesn't work for btc, esp. with classic bell curve risk measures like stdev/VaR. That's why I use max annual loss for risk. Indeed, given Stable/Power distr. of btc returns, fractal dimension would be better! I do think sizing bets with Kelly Criterion is useful here
— PlanB (@100trillionUSD) January 26, 2020
อีกทั้ง BTC ก็มีความผันผวนอยู่ตลอด ไม่สามารถนำ Sharp ratio มาวิเคราะห์ได้
BTC has infinite variance. Sharpe ratio is uninformative. pic.twitter.com/myxnuv9tk7
— Nassim Nicholas Taleb (@nntaleb) January 25, 2020
ที่มา: u.today
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น