ในสัปดาห์นี้ คณะผู้ว่าการระบบธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ได้แถลงการณ์ฉุกเฉินประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงร้อยละ 0.50 ต่อปี ในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤติการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า การประกาศลดดอกเบี้ยลงก่อนกำหนดการประชุมของ Fed ในวันนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี 2008 และหลังจากเกิดความระส่ำในตลาดหุ้น Wall Street รวมทั้งแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ
การตัดสินใจลดดอกเบี้ยของ Fed ยังเกิดขึ้นหลังที่ประชุม G7 ประกาศในเช้าวันเดียวกันว่า จะดำเนินการต่างๆ ที่ไม่ได้มีการระบุชัดเจน เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจโลกให้รอดพ้นภาวะวิกฤติที่เกิดจากการระบาดของโควิด-19
นอกเหนือจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแล้ว Fed ยังประกาศลดอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับเงินทุนสำรองที่สถาบันการเงินนำมาฝากกับ Fed (Intereest on Excess Reserve – IOER) ลงร้อยละ 0.50 ต่อปีอีกด้วย โดย IOER นั้นเป็นเครื่องมือทางการเงินอีกชิ้นของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯในการควบคุมทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
Bitcoin พุ่งขึ้นในขณะที่ตลาดหุ้น Wall Street ร่วงอย่างหนัก
ในขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย ดูเหมือนว่าจะทำให้การตลาดหุ้น Wall Street ร่วงอย่างหนัก แต่ในขณะเดียวกันสิ่งนี้กลับส่งผลดีต่อราคาของ Bitcoin
ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ราคาในตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนัก ราคาของ Bitcoin ก็ได้ร่วงกลับลงไปในลักษณะที่คล้ายกัน ซึ่งนั่นทำให้นักวิเคราะห์ทางการเงินและผู้เฝ้าสังเกตุการณ์ของอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ต่างสงสัยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ Bitcoin กันแน่ ? เพราะปกติแล้วเมื่อเกิดความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ ราคา Bitcoin มักจะพุ่งขึ้นสวนทางกับเศรษฐกิจของโลกเสมอ
แต่ทว่าหลังจากที่ Fed ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน ราคา Bitcoin กลับฟื้นตัวพุ่งขึ้นมาราวกับว่าในช่วงที่เกิดสถานการณ์ความไม่แน่นอน ผู้คนได้โยกย้ายเงินทุนของพวกเขาไปเก็บไว้ที่ไหนสักแห่งและเมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบลงแล้ว พวกเขาก็นำเงินกลับมาสู่ตลาดเช่นเดิม
ทำไมการปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึงทำให้ราคา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้น ?
ดูเหมือนว่าการที่ Bitcoin มีมูลค่าเพิ่มขึ้น หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นจะมีเหตุผลอยู่ 2 ประการหลัก ๆ คือ ประการแรกมันได้ช่วยเพิ่มอุปทานหมุนเวียนของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับ bitcoin โดยตรง เนื่องจาก Bitcoin นั้นมีอุปทานคงที่ ดังนั้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ Bitcoin ก็จะมีมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
ประการที่สองก็คือ มันพิสูจน์แล้วว่ากรณีการใช้งานหลักของ Bitcoin อีกครั้ง Bitcoin มีการใช้งานหลายกรณี ตัวอย่างเช่นในฐานะที่มันเป็นสกุลเงินที่สามารถเก็บรักษามูลค่าได้ เมื่อประเทศใด ๆ ก็ตามมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนเกิดขึ้น โดยเราจะเห็นได้ชัดเจนจากเวเนซุเอลา
นอกจากนี้มันยังมีคุณสมบัติในเรื่องของการไม่ระบุตัวตนของผู้ใช้งาน ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน คุณสามารถเลือกที่จะจดจำรหัส passphrase 12 ตัวเพื่อเข้าถึง private key ในภายหลังได้และช่วยให้คุณรอดตายหนีจากรัฐบาลที่กดขี่ข่มเหงหรือสงครามกลางเมืองด้วยการจำรหัสเอาไว้ในหัว
การใช้งานทุกกรณีล้วนแต่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม แต่กรณีการใช้งานหลัก ๆ สำหรับ bitcoin เลยก็คือ การเก็บรักษามูลค่าโดยที่ไม่มีหน่วยงานใด ๆ อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลว่าทำไมทุกครั้งที่ Fed เข้าแทรกแซงเพื่อจัดการตลาด ราคาของ Bitcoin ถึงได้ดีดตัวพุ่งขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา : cryptopotato
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น