<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

จุดสูงสุดของราคา Bitcoin สัมพันธ์กับหุ้น S&P 500 สิ่งนี้หมายถึงอะไร?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ก่อนหน้านี้ Bitcoin มีความสัมพันธ์กับดัชนีหุ้น S&P 500 มากขึ้นจนกระทั่งทำให้คนมองว่า Bitcoin จะเป็นทองคำดิจิทัลได้หรือไม่

sp500.png

ดังที่แสดงไว้ในแผนภูมิข้างต้นจาก Coin Metrics ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 90 วันสำหรับ Bitcoin และ S&P 500 ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล 0.5 ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ค่าสัมประสิทธิ์ 1 หมายถึงความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ สัมประสิทธิ์ 0 หมายความว่าไม่มีความสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพและค่าสัมประสิทธิ์ -1 คะแนนหมายถึงความสัมพันธ์แบบผกผันอย่างสมบูรณ์

บทความนี้ทาง longhash ได้มีการสัมภาษณ์ไปยังนาย Spencer Bogart หุ้นส่วนทั่วไปของ Blockchain Ventures, Castle Island Ventures และผู้ก่อตั้งบริษัท Coin Car Metrics นาย Nic Carter และ Delphi Digital และ Kevin Kelly เกี่ยวกับมุมมองทิศทางความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาด Bitcoin

เกิดอะไรขึ้นกับทองคำดิจิทัล?

หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลาดหุ้นตลาดคริปโตก็ร่วงตามๆ กันไปดังที่เราเห็นกันว่าราคา Bitcoin ร่วงแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์เลยทีเดียวซึ่งแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตามผู้คนจำนวนหนึ่งก็ยังคงเชื่อว่า Bitcoin นั้นเป็นสินทรัพย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงอยู่

“ผมไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไรที่ดังนีหุ้น S&P 500 และ Bitcoin จะมีทิศทางความเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กัน” นาย  Nic Carter กล่าว “นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์ที่มีอัตราการเติบโตต่ำๆ เพื่อจัดการกับเงินประกันหรือการจำนอง เป็นต้น Bitcoin มีแนวโน้มที่จะเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องที่มีภาระดอกเบี้ยน้อยที่สุดและมักจะไม่ถูกจัดเก็บภาษี ดังนั้นมันจึงเหมาะที่จะลงทุนภายใต้สภาวะเช่นนี้”

ด้านของนาย Spencer Bogart  กล่าวว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นทั่วกระดานในช่วงที่เกิดสภาพคล่องและในมุมมองของเขานั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา

“ในช่วงที่ตลาดตกต่ำที่สุดทุกอย่างมีความสัมพันธ์กัน สินทรัพย์สภาพคล่องทั้งหมดถูกขายเป็นเงินสด” นาย Bogart อธิบาย “ตัวอย่างเช่นในช่วงที่ตลาดตกต่ำที่สุดก็ไม่มีที่หลบภัยใด ๆ แม้แต่สินทรัพย์ที่ขึ้นชื่อว่ามีความปลอดภัยสูงที่ได้รับการยอมรับอย่างดี เช่น ทองคำและพันธบัตรรัฐบาลก็ถูกขายออกไปจำนวนมาก อย่างไรก็ตามราคา Bitcoin ก็กลับตัวฟื้นคืนมาและมีผลการดำเนินงานเหนือกว่าสินทรัพย์หลักเกือบทุกชิ้น (ยกเว้นทองคำและพันธบัตรรัฐบาล) ผมคิดว่าผลการดำเนินงานของมันแสดงให้เห็นว่า Bitcoin กำลังดำเนินไปตามเส้นทางของมันและมันกำลังก้าวเท้าออกจากการเป็นสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไรมาสู่สินทรัพย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงของโลก”

มุมมองของนาย Bogart คือ Bitcoin นั้นมีผลการดำเนินงานดีกว่าสินทรัพย์หลักอื่นๆ ตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

ด้านนาย Kevin Kelly ก็ได้ออกมาชี้ว่าการเทขาย Bitcoin ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้น่ากังวลอะไรเพราะสภาพตลาดที่เรากำลังเผชิญนี้ก็ไม่ได้ดี 

ราคา Bitcoin ไม่ควรที่จะสัมพันธ์กับตลาดหุ้น? 

ด้านนาย Bogart และ Kelly ก็ชี้ว่าเทรนด์ในระยะยาวนั้นสำคัญกว่าเทรนด์ในระยะสั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตตลาดโลกเช่นนี้

“หลายๆ คนเชื่อว่าการลงทุนในระยะยาวนั้นดีกว่าและต้องมองความสัมพันธ์ในระยะยาว เราต้องมองผลประโยชน์ในระยะยาวไม่ใช่แค่ในระยะสั้นๆ ไม่ใช่ระยะเวลาเพียงแค่วันหรือสัปดาห์หรือเดือน ซึ่งหากมองดูแล้ว Bitcoin ก็ไม่ได้เคลื่อนที่สัมพันธ์กับสินทรัพย์หลักๆ หากมองในระยะยาวแล้ว”

นาย Kelly เสริมว่าความสัมพันธ์ของราคา  Bitcoin และ S&P 500 ในช่วงนี้ไม่ได้เป็นตัวชี้ความสัมพันธ์ในระยะยาว

“เราเพิ่งเห็นช่วงเวลาที่ผันผวนมากที่สุดสำหรับตลาดหุ้นในรอบหลายทศวรรษโดยมีความผันผวนของราคาเฉลี่ยต่อวันระหว่าง 3-5%” นาย  Kelly กล่าว “มีคลาสของสินทรัพย์น้อยมากที่จะไม่ถูกการขายเพราะวิกฤตสภาพคล่องครั้งนี้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ BTC ก็จะเจอกับการเทขายเช่นกัน ในอดีตความผันผวนครั้งใหญ่ในตลาดก็ทำให้เกิดการขายสินทรัพย์อย่าง bitcoin และ crypto เป็นจำนวนมากเช่นกัน”

นาย  Kelly กล่าวว่าเมื่อก่อนตลาดหุ้นกับ Bitcoin ไม่สัมพันธ์กันมากขนาดนี้เพราะนักลงทุนสถาบันไม่ได้เข้ามาในตลาดมากขนาดนั้น ถ้าหากมีนักลงทุนเพิ่มเข้ามามากขึ้นพวกเขาก็จะเริ่มลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ อย่างเข้ามาในพอร์ตของตนและนั่นทำให้ทิศทางราคาของ Bitcoin และตลาดหุ้นมีความสัมพันธ์กัน

แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

สภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ก็ไม่ได้ทำให้ Bitcoin กลายมาเป็น “safe haven” แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามนาย Bogart กลับเห็นว่าในอีกหลายปีข้างหน้า Bitcoin จะเป็นที่นิยมมากกว่าเดิม

“เราหวังว่า Bitcoin จะสามารถก้าวผ่านภาวะตลาดที่แย่ที่สุดในโลกครั้งนี้ได้ แต่ผมมองว่า Bitcoin อาจไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากขนาดนั้นในระยะยาว เพราะนักลงทุนจะเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะทางเศรษฐกิจน้อยที่สุดและผมคิดว่า Bitcoin จะได้รับประโยชน์ตรงนี้” นาย  Bogart กล่าว

ด้านนาย Kelly มองว่าต้องดูหลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจนี้ไปได้แล้วผลการดำเนินงานของ  Bitcoin จะเป็นอย่างไรซึ่งมันจะเป็นตัวตัดสินว่า Bitcoin จะสามารถเป็น “ทองคำดิจิตอล” ได้หรือไม่

ที่มา : longhash

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น