เมื่อไม่นานมานี้ได้มี Slide หลุดออกมาจากการประชุมระหว่างธนาคารยักษ์ใหญ่ Goldman Sachs และลูกค้าโดยข้อมูลเผยว่าธนาคารดังกล่าวนั้นไม่เชื่อว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง โดยนาย Seth Ginns นักลงทุนของ Coinbase และนักวิเคราะห์ Fundstrat อย่างนาย David Grider ได้ออกมาอธิบายว่าทำไม Goldman Sach ยังมีความหัวโบราณกว่าที่คิดไว้
โดยทั้งนาย Ginns กับ Grider ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อด้านคริปโต Cointelegraph เพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ธนาคารกล่าวไว้ รวมถึงหัวข้อที่หลากหลายรวมถึงเล่าวิธีที่พวกเขาเริ่มลงทุนใน crypto ทำไมพวกเขาจึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อโลกของคริปโตเคอเรนซี่ และอื่น ๆ อีกหลากหลายเรื่อง
แต่แน่นอนว่าพวกเขาได้พูดถึงเรื่องของบริษัทด้านการเงินยักษ์ใหญ่แบบ Goldman Sach ด้วยเช่นกันจากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น
Goldman Sach เผยธาตุแท้เกี่ยวกับ Bitcoin จาก Slide ที่หลุดออกมา
ตามการรายงานของ Cointelegraph รายงานว่าในวันที่ 27 พฤษภาคมมีการหารือเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา โดยค้นพบว่าทาง Goldman Sachs ดูเหมือนจะกีดกันลูกค้าจากการลงทุนใน Bitcoin สิ่งนี้ถูกค้นพบหลังจากการนำเสนอ Powerpoint ของ Goldman ที่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะในเวลาต่อมา
ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามของ Goldman Sachs นั้นก็คือ Bloomberg ดูเหมือนจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปโดยหนึ่งในนั้นก็คือผู้ร่วมก่อตั้งนาย Michael Bloomberg ซึ่งเขายอมรับในสกุลเงินดิจิตอล ทำให้เมื่อทั้งนาย Ginns และ Grider ถูกถามว่าพวกเขาสนับสนุนมุมมองของ Bloomberg หรือ Goldman ทั้งคู่ได้เลือกข้างของ Goldman Sach แต่ทว่ากลับมองว่าความคิดของ Goldman เองก็ยังหัวโบราณและมอง Bitcoin ที่ผิดไปอยู่สักหน่อย
ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับ bitcoin
นาย Ginns บอกว่าคำถามเกี่ยวกับที่ว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์หรือไม่นั้นได้ถูกตัดสินไปแล้ว เขายังชี้ให้เห็นข้อบกพร่องอื่นในส่วนที่แตกต่างจากการนำเสนอของ Goldman โดยบอกว่าเขารู้สึกเขารู้สึกยังโตแย้งได้อีกหลายข้อเป็นอย่างมาก
“หนึ่งในสิ่งที่ผมบอกได้และโต้แย้งได้เลยนั้นก็คือ ความคิดที่ว่า crypto จำนวนมากถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ผิดกฎหมายและผมพบว่ามันเป็นความคิดที่ตลกจริงๆ ”
ส่วนทางด้านของนาย Grider ยังตั้งข้อสังเกตว่าวิธีการมองดูโลกคริปโตของ Goldman Sach นั้นดูโบราณไปสักหน่อย
“แค่พวกเรามองเข้าไปใน Goldman Sach ก็รู้ได้เลยว่าพวกเขาเป็นคนฉลาดมาก บางคนฉลาดที่สุดใน Wall Street เสียอีกแต่ผมคิดว่าวิธีการของพวกเขาแทบไม่เปลี่ยนไปเลยมันยังคงเหมือนกับเมื่อตอนปี 2017 2018 จากที่ผมอ่านนั้นผมไม่ค่อยเห็นถึงวิวัฒนการในพวกเขาเท่าไหร่หนักและมันดูโบราณเกินไปที่จะตัดสินคริปโตเคอเรนซี่ได้ครับ”