<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อินเดียเตรียมใช้เทคโนโลยี A.I. เข้าตรวจสอบเว็ปไซต์ตลาดมืด คาดจับกุมผู้กระทำผิดเพิ่ม

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หน่วยงานที่มีขอบเขตครอบคลุมการบังคับใช้กฎหมายของอินเดีย , สถาบันการศึกษา , บริษัทสตาร์ทอัพ , องค์กรวิจัยและพัฒนาได้เริ่มทำงานเพื่อขยายขีดความสามารถในการตรวจสอบเว็ปไซต์ตลาดมืดของอินเดียแล้ว

ความคิดริเริ่มนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีแถลงการณ์ถึงปัญหาอาชกรรมทางไซเบอร์กว่า 12 คดี รวมถึงการแจ้งความของตำรวจและสถาบันวิจัยอีกกว่า 120 แห่ง

โปรแกรมนี้คาดว่าจะผลิตโซลูชั่นและกลยุทธ์ที่มีศักยภาพที่หลากหลายเพื่อขยายขีดความสามารถในการตรวจสอบเว็บไซต์ตลาดมืดและการบังคับใช้กฎหมายของอินเดีย

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของอินเดียสามารถทำการจับกุมผู้กระทำผิดได้หลายครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่เรื่องของยาเสพติด , เว็ปไซต์ตลาดมืดและองค์กรเวชภัณฑ์ หลังจากการที่ได้มีส่วนร่วมกับหน่วยงานในการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสำนักควบคุมยาเสพติดของอินเดียได้ทำการจับกุมผู้กระทำป็นจำนวนมากที่สั่งซื้อยาเสพติดและสินค้าเวชภัณฑ์ผ่านทางเว็ปไซต์ตลาดมืด หลังจากการที่ได้ร่วมมือกับกับหน่วยงานระดับโลก

ตำรวจอินเดียได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัย 120 แห่ง

สำนักวิจัยตำรวจของอินเดียกำลังวางแผนที่จะพัฒนาเว็บไซต์เชิงโต้ตอบเพื่อช่วยในการบังคับใช้กฎหมายในการตรวจสอบเว็ปไซต์ตลาดมืด เมื่อได้รับโซลูชั่นที่เป็นไปได้จาก 120 สถาบัน

สื่อท้องถิ่น The Hindustan Times รายงานว่า เว็ปพอร์ทัลได้พยายามค้นหา “ข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมทางไซเบอร์และวิธีดำเนินการของพวกเขา รวมถึงโซลูชั่นดิจิทัลสำหรับการติดตามแหล่งที่มาของเสียงผ่านโปรโตคอลพูดคุย , เจาะเข้ารหัสและถอดรหัสไฟล์ที่ได้รับการป้องกัน”

สื่อข่าวรายงานต่อว่า ทรัพยากรจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ A.I. และ Machine learning เพื่ออัพเดตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะสร้างแพลตฟอร์มการจัดการกับอาชญากรรมทางการเงินอีกด้วย

นาย V S Kaumudi หัวหน้าของ BPRD ได้กล่าวถึงความคิดริเริ่มนี้ว่าเป็น “มาตรการขยายขีดความสามารถ” สำหรับการบังคับใช้กฎหมายและ “การพัฒนาเครื่องมือสืบสวนอาชญากรรมไซเบอร์ไปสู่ระดับที่ทันสมัย”

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ ท่ามกลางการพึ่งพาระบบดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าอีกด้วย

ที่มา : cointelegraph