Synqa เป็นบริษัทฟินเทคในประเทศไทยเดิมชื่อ Omise Holdings ประกาศว่าได้ระดมทุนซีรี่ C 80 ล้านดอลลาร์ นำโดย SCB 10X และ Sparx Group ผ่าน Mirai Creation Fund II บริการทางการเงินของโตโยต้า, Sumitomo Mitsui Banking Corporation, SMBC Venture Capital, Aioi Nissay Dowa Insurance และนักลงทุนรายอื่นเข้าร่วม
บริษัทเริ่มก่อตั้งในปี 2015 เป็นบริษัทแม่ของเกตเวย์การชำระเงิน Omise ซึ่งเป็นบริการการชำระเงินเช่น e-wallet และการโอนเงินข้ามพรมแดน นอกจากนี้ยังมีบริการโอนเงินและเครื่องมือการชำระเงินที่ขับเคลื่อนด้วย Blockchain OMG Network ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกว่า OmiseGo
โฆษกของบริษัทกล่าวว่าบริษัท Synqa วางแผนที่จะใช้เงินทุนเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับสแต็คเทคโนโลยีเพื่อทำให้ Omise ดึงดูดร้านค้ามากขึ้น
ประวัติการระดมทุนของบริษัทก่อนรอบซีรีย์ C บริษัท Synqa มีเงินทุนสนับสนุนรวมกว่า 20 ล้านดอลลาร์นอกจากนี้บริษัทยังระดมทุนได้กว่า 25 ล้าดอลลาร์ผ่านการขายโทเค็นดิจิทัลในปี 2017 โดยสรุปแล้วบริษัทได้ระดมไปคือ
- รอบ Seed (2014): $300,000 จาก East Ventures
- ซีรี่ส์ A (2015): 2.6 ล้านดอลลาร์จาก SMDV, East Ventures, 500 TukTuks และ Thai telco True Group
- ซีรี่ส์ B (2016): $17.5 ล้านจากการลงทุน SBI, SMDV, เงินขึ้น, และกิจการ Golden Gate
- ซีรี่ย์ B (2018): ไม่เปิดเผยจำนวนเงินจาก Global Brain, 31Ventures และ SMDV
- ซีรี่ย์ B (2019): ไม่เปิดเผยจำนวนเงินจาก Nomura Holdings
ขณะนี้ Synqa มีร้านค้าหลายพันแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่นแต่ด้านโฆษกของบริษัทไม่เปิดเผยตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง
ตั้งแต่รอบการระดมทุนครั้งล่าสุด Synqa ได้ร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ เช่น PayNow ในสิงคโปร์รวมถึง TrueMoney Wallet และ Citibank ในประเทศไทยเพื่อเสนอโซลูชั่นการชำระเงินเพิ่มเติมให้กับลูกค้า
ส่วนหนึ่งของกองทุนซีรีส์ C นั้นจะถูกนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนบริษัทย่อยใหม่เพื่อขยายการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้า อย่างไรก็ตามรายละเอียดของบริษัทย่อยยังไม่ได้เปิดเผยออกมา ทีมงานมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ Fintech แบบ end-to-end เช่นแอพ Toyota Wallet ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่รองรับ
Synqa มองว่าการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“Covid-19 ส่งผลกระทบต่อทุกคนและธุรกิจของ Fintech ก็ไม่มีข้อยกเว้น เราต้องปรับวิธีการทำงานของเรา เราจำลองสถานการณ์กรณีเลวร้ายที่สุดสำหรับทุกหน่วยงานและเราเปลี่ยนกลยุทธ์ของเรา “โฆษกกล่าว
ส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อวิกฤติการณ์ครั้งนี้คือการช่วยเหลือธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในสิงคโปร์ ส่วนแผนการณ์ในอนาคตของบริษัทคือการเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่ Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสดนี่เอง ทางบริษัทจึงต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน Blockchain และระบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : techinasia