อ้างอิงโพสต์ล่าสุดของเพจเฟสบุ๊ค BitkubOfficial ที่บอกเป็นนัย ๆ ว่า หากคุณบริจาคเงินด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน คุณอาจรู้ได้ว่าเงินเหล่านั้นถูกเอาไปใช้อะไรบ้าง ซึ่งทาง Bitkub ก็ได้โพสต์ถึงประโยชน์ของบล็อกเชนที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ได้ หลังมีข่าวอื้อฉาวของไลฟ์โค้ชชื่อดังฌอน บูรณหิรัญ
เป็นกระแสดราม่าที่ถูกเผยแพร่ไปในช่องทางออนไลน์จำนวนมากไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twiiter ต่างพูดถึงฌอน บูรณหิรัญผู้ซึ่งเคลมว่าเขานั้นเป็น “Life Coach” ก่อนหน้าจะมีกระแสที่เขาได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง นายฌอนก็มีผู้ติดตามมากมาย แต่หลังจากที่เขาได้โพสต์รูปภาพที่ดูเหมือนจะรู้จักกับบิ๊กป้อมและกล่าวชื่นชมผู้นำ ยอดติดตามเขาก็หดหายทันทีอย่างน่าตกใจ
หลังจากนั้นก็ได้มีคนออกมาเปิดโปงเขาทั่วโซเชียลมีเดียรวมถึงเรื่องที่เขาไม่ได้มีการเปิดเผยเรื่องเงินบริจาคอย่างโปร่งใสด้วย
Bitkub ชี้ Blockchain ช่วยให้การบริจาคโปร่งใสขึ้นได้หลังมีข่าวฌอน
อ้างอิงจากโพสต์ของ Bitkub กล่าวว่าโดยปกติแล้วเวลาที่เราจะบริจาคเงินเพื่อการกุศลหรืออะไรก็แล้วแต่ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเงินเหล่านั้นจะถูกใช้กับกับการบริจาคดังที่เราหวังไว้หรือไม่ ? เนื่องจากระบบการบริจาคในทุกวันนี้เป็นระบบที่เราจะไว้ใจผู้รับเงินบริจาคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หลังจากที่เทคโนโลยีบล็อกเชนได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เราก็รู้ได้เลยว่าสิ่งนี้สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเราได้ รวมถึงเรื่องของการบริจาค
ปัจจุบันการบริจาคเงินของคนไทยส่วนใหญ่จะพึ่งพาอาศัยระบบไว้ใจซึ่งกันและกันเป็นหลัก ดังนั้นเราจึงไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่า ผู้รับเงินบริจาคจะเอาเงินเหล่านั้นได้ใช้ทำอะไรบ้าง แต่หากทุกคนใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเรื่องราวเหล่านี้อาจจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เทคโนโลยีบล็อกเชนจะเข้ามาช่วยในเรื่องการบริจาคได้อย่างไร ?
จากข้อความข้างต้น เราจะสามารถสรุปได้ว่า เมื่อเราไม่จำเป็นจะต้องโอนเงินผ่านตัวกลางอีกต่อไป ทุกคนก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลกันได้อย่างเท่าเทียม
ดังนั้นการบริจาคก็จะสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างโปร่งใส , มีความน่าเชื่อถือและมีความเป็นส่วนตัวไปพร้อม ๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณต้องการบริจาคเงินให้ใครสักคนที่รับเงินบริจาค คุณก็โอนเงินให้เขาผ่านทางกระเป๋า wallet จากนั้นคุณก็สามารถติดตามเงินที่คุณโอนไปได้ผ่านทางกระเป๋าเงิน wallet หรือจากทางเว็ปไซต์ Blockchain explorer ซึ่งคุณจะสามารถตรวจสอบได้ว่าเงินของคุณได้ถูกโอนไปให้นาย ผู้ต้องการเงินบริจาคจริงหรือไม่ ? จำนวนที่โอนมีจำนวนเท่าไหร่ ? เป็นต้น ซึ่งนี่คือพลังของเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘บล็อกเชน’