<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สาเหตุที่การเรียก KYC ของ Bitmex จะส่งผลดีต่อ Defi ในอนาคต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดว่า BitMEX เว็ปเทรดคริปโตฟิวเจอรส์กำลังจะดำเนินการตามขั้นตอน Know Your Customer (KYC) ซึ่งเดิมทีเว็ปเทรดนั่นมีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นศูนย์กลางที่ไม่ขึ้นตรงกับใคร เว้นแต่จะอยู่ในเขตอำนาจศาลที่ถูกจำกัด หรือพูดง่าย ๆ ก็คือผู้ใช้สามารถซื้อขายสัญญาคริปโตฟิวเจอร์สโดยไม่ต้องยืนยัน KYC นั่นเอง

แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้สื่อข่าว CryptoSlate ได้รายงานเกี่ยวกับข่าวลือนั้นอีกครั้ง ซึ่งอ้างอิงจากประกาศการจ้างงานที่พบใน LinkedIn ของ BitMEX (และบน AngelList) สำหรับรายชื่อตำแหน่งใหม่ “AML Operations Manager” ที่จะประจำอยู่ในฮ่องกง

รายละเอียดของการจ้างงานได้พูดถึงเรื่องหน้าที่รับผิดชอบอยู่ 2 ฟังก์ชั่นหลัก ๆ ก็คือ การพัฒนาและ”การดำเนินการตรวจสอบสถานะของลูกค้าระดับสถาบันและลูกค้ารายย่อยที่เริ่มใช้งานบนแพลตฟอร์มของ BitMEX โดยพวกเขาจะต้องรับผิดชอบในกระบวนการคัดกรองลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนด AML และ Sanctions ทั้งหมด”

จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวลือการ KYC ของ Bitmex ได้รับการยืนยันในที่สุด โดยบริษัทจะบังคับใช้มาตรการ KYC กับลูกค้าทุกราย โดยมีระยะเวลาผ่อนผันไปจนถึงช่วงต้นปี 2021

นักวิเคราะห์มีความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับการประกาศของ Bitmex ในครั้งนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นด้วยก็คือ การที่ BitMEX กำหนดใช้มาตราการ KYC กับลูกค้า นั่นจะส่งผลดีต่อ ระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ ( Defi) ของ Ethereum ในอนาคต

นักวิเคราะห์กล่าว KYC ของ BitMEX เป็น “หนึ่งในเหตุการณ์ที่จะส่งผลดีต่อกิจกรรมของ DeFi”

อ้างอิงจากคำพูดของนาย Qiao Wang อดีตหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Messari ที่กล่าวว่าการบังคับใช้ KYC ของ Bitmex จะส่งผลดีต่อระบบนิเวศของ DeFi ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

นี่เป็นการอ้างอิงถึงวิธีการให้บริการของ BitMEX ซึ่งตอนนี้ผู้ใช้อาจจะไม่สามารถเข้าถึงเว็ปเทรดได้ หากปราศจากการยืนยันตัวตน KYC

“ผมแน่ใจว่า ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ Bitmex KYC เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่จะส่งผลดีต่อกิจกรรมของ DeFi เนื่องจากแพลตฟอร์ม CeFi นั่นเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ DeFi มาโดยตลอด”

ความคิดเห็นนี้ถูกสะท้อนโดยนาย Joseph Todaro หุ้นส่วนของ Blocktown Capital :

“ ในที่สุดผู้ใช้ของ Bitmex ก็จะต้องการทำยืนยันตัวตน KYC และแน่นอนว่าพวกเขาบางคนอาจจะหันไปใช้บริการแพลตฟอร์ม centralized ตัวอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตน KYC แทน(อย่างน้อยก็ในช่วงเวลานี้) และผู้คนส่วนที่เหลือจะพากันย้ายไปที่ของแพลตฟอร์ม DeFi เมื่อเราสร้างมันขึ้นมา”

ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของ BitMEX ในการใช้ KYC นั้นจะส่งผลดีต่อแพลตฟอร์มของ DeFi ที่มุ่งเน้นไปที่ Synthetix ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่มุ่งเน้นการสร้างตลาดคริปโตฟิวเจอร์สแบบกระจายอำนาจและการซื้อขายเหรียญคริปโตแบบกระจายอำนาจบน Ethereum

Ethereum ก็อาจได้รับการ KYC นี้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามโปรโตคอลและโทเค็นที่สร้างขึ้นบน Ethereum ก็อาจได้รับผลกระทบจากการ KYC นี้เช่นกัน

Financial Action Task Force (FATF) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินระหว่างรัฐบาลเปิดเผยรายงานในเดือนมิถุนายนว่า เหรียญ stablecoin ทื่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ DeFi ควรได้รับการกำกับที่ดีกว่านี้ :

“สิ่งที่เรียกว่า stablecoin สามารถใช้ได้อย่างรวดเร็วทั่วโลก ด้วยหน้าที่ของพวกมันในการกระจายอำนาจไปยังหลายเขตอำนาจศาล การร่วมมือระหว่างประเทศจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าความเสี่ยง ML / TF จะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม”

ที่มา : cryptoslate