ผู้ให้บริการบัตรเครดิตระดับโลก Mastercard ได้ออกมาประกาศเมื่อวานนี้ว่าพวกเขรได้เปิดตัวระบบ environment สำหรับให้ธนาคารกลางทั่วโลกได้เข้ามาทดสอบใช้งานเหรียญคริปโตของธนาคารกลาง หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC) ของพวกเขาได้
ปัจจุบันธนาคารกลาง 70% ทั่วโลกกำลังมีแนวคิดที่จะสร้างเหรียญคริปโตเป็นของตัวเอง อ้างอิงข้อมูลจาก Bank of International Settlements และแม้ว่าหลายประเทศจะเริ่มมีการต่อยอดจากแนวคิดไปเป็นการทดลองสร้างจริงแล้ว แต่เครื่องมือล่าสุดจากทาง Mastercard นั้นมีเป้าหมายเพื่อทำให้การทดสอบสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางนั้นเป็นไปด้วยความง่ายดายมากยิ่งขึ้น
เครื่องมือดังกล่าวจะช่วยจำลองรูปแบบในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ธนาคารกลางสามารถประเมินกรณีการใช้งานของเหรียญคริปโตได้ นอกจากนี้ยังมีการจำลองการออกเหรียญ, แจกจ่ายไปให้เว็บเทรดคริปโต, และการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตระหว่างธนาคารด้วยกันเอง รวมถึงบริการด้านการเงินที่มีให้กับบริษัทและลูกค้า
ทาง Mastercard ได้เรียกร้องให้ทางหุ้นส่วนของพวกเขาเข้ามาใช้แพลทฟอร์มดังกล่าวเพื่อประเมินว่าเทคโนโลยีและการออกแบบเหรียญคริปโตของธนาคารนั้นเป็นอย่างไร และใช้งานได้จริงไหม รวมถงยังได้เรียกร้องให้มีการนำไปทดสอบใช้กับระบบการจ่ายเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย
ที่น่าสนใจก็คือ ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าระบบ sandbox ดังกล่าวนั้นจะช่วยทำให้เหรียญคริปโตของธนาคารกลางนำมาใช้เพื่อจ่ายซื้อสินค้าและบริการในร้านค้าที่มีตราสัญลักษณ์ Mastercard ทั่วโลกได้อย่างไร
เหรียญ CBDC นั้นจะทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกสามารถที่จะสร้างสะพานเชื่อมต่อไปยังผู้บริโภคทั่วโลกได้ ผ่านเทคโนโลยี blockchain โดยก่อนหน้านี้ Mastercard ได้เข้าร่วมกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Libra แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ประกาศลาออกมา โดยให้เหตุผลว่ามีอุปสรรคด้านกฎหมายในปัจจุบันในขณะนี้
นอกจากนี้ดูเหมือนว่า CEO ของ Mastercard นั้นยังดูจริงจังกับ CBDC อีกด้วย โดยหลัก ๆ นั้นอาจเป็นเพราะว่าเขาต้องการที่จะแสดงให้ธนาคารกลางทั่วโลกเห็นว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นดีอย่างไร เพื่อที่ว่าในอนาคตนั้นทาง Mastercard จะสามารถยังทำธุรกิจดังกล่าวต่อไปได้ เมื่อเทคโนโลยีด้านการจ่ายเงินเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
ปัจจุบันฝ่ายด้านการวิจัยของ Mastercard นั้นดูเหมือนว่าจะกำลังโฟกัสไปที่การวิจัยเทคโนโลยี Blockchain ในขณะที่แผนกบัตรเครดิตนั้นก็กำลังเตรียมพร้อมกับการออกบัตรเดบิตคริปโต เพื่อแข่งกับคู่แข่งตลอดการของพวกเขาอย่าง Visa
ที่มา Cointelegraph