โปรโตคอลบนแพลทฟอร์มให้กู้ยืมเงินบน decentralized finance (DeFi) ชื่อดังอย่าง bZx ดูเหมือนว่าจะถูกโจมตีอีกครั้งหนึ่งแล้วเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา โดยนักแฮ็คนั้นสามารถที่จะเจาะช่องโหว่ และนำเงินออกไปได้รวมกว่า 250 ล้านบาท เนื่องมาจากโค้ดที่ผิดพลาดบน smart contract
ช่องโหว่ในโค้ดดังกล่าวนั้นทำให้ผู้โจมตีสามารถคัดลอกและทำซ้ำสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเพิ่มจำนวน iTokenz (เหรียญบน bZx) ได้ โดยหลังจากที่ทางนักพัฒนาค้นพบถึงบั๊กดังกล่าวนั้น พวกเขาได้ทำการหยุดการขุด และเผาเหรียญ iToken ทิ้ง หลังจากนั้นก็เปิดให้ขุดต่อหลังจากแก้ไขปัญหาแล้ว
บั๊กดังกล่าวทำให้นักแฮ็คสามารถสร้างเหรียญ 219,200 LINK (มูลค่าประมาณ 81.3 ล้านบาท), 4,503 ETH (50 ล้านบาท), 1,756,351 USDT (53.2 ล้านบาท), 1,412,048 USDC (43.8 ล้านบาท) และ 667,989 DAI (21.2 ล้านบาท) โดยภายหลังจากนั้นทาง bZx ออกมากล่าวว่าเงินของผู้ใช้งานแพลทฟอร์มนั้นปลอดภัยดี เนื่องจากว่าพวกเขามีเม็ดเงินที่กันไว้สำหรับป้องกันความเสี่ยงแล้ว
นาย Marc Thalen หรือหัวหน้าฝ่ายวิศวกรของ Bitcoin.com ออกมากล่าวว่าเขาได้ตรวจพบบั๊กดังกล่าว และปัจจุบันมีเม็ดเงินบน bZx ราว ๆ 20 ล้านดอลลาร์ที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง โดยนาย Thalen ได้ทำการทดสอบเจาะช่องโหว่ของระบบและสร้างการกู้ยืมมูลค่า 100 USDC (3,100 บาท) และชี้ว่าเขาได้รับเหรียญ iUSDC ก่นอที่จะนำมันไปคัดลอก ก่อนที่จะเคลมเงินทั้งหมด 200 USDC
ผู้ร่วมก่อตั้ง bZx นาย Kyle Kistner ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “มันเป็นเรื่องที่พูดยาก” ว่านี่ถือเป็นบั๊กที่มีความร้ายแรงที่ไม่ได้ถูกตรวจพบก่อนหน้านี้โดยบริษัทด้านการออดิตโค้ดยักษ์ใหญ่อย่าง Peckshield และ Certik โดยในขณะนี้ทั้งสองบริษัทดังกล่าวกำลังตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงอยู่
ทาง Peckshield กล่าวว่า “การออดิตเพียงแค่ครั้งเดียวไม่สามารถการันตีได้ว่าจะสามารถหาปัญหาทั้งหมดเจอได้” แต่หากทำการตรวจสอบไปเรื่อย ๆ ก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงลงได้ ส่วนทาง Certik กล่าวว่า “ความปลอดภัยนั้นถือเป็นการเดินทาง”
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญบางรายก็ออกมาแนะให้ทาง bZx หยุดเปิดให้บริการก่อนและทำการออดิตโค้ดใหม่ทั้งหมด แต่นาย Kistner กล่าวว่าทางบริษัทด้านการออดิตไม่ได้แนะนำให้ทำแบบนั้น
นี่ถือเป็นครั้งที่สามที่ทาง bZx ถูกโจมตีในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โปรโตคอลดังกล่าวนั้นสูญเงินไปถึง 945,000 ดอลลาร์ภายในการโจมตีสองครั้ง
การโจมตีของนักแฮ็คครั้งล่าสุดส่งผลทำให้จำนวนมูลค่าสินทรัพย์ที่ถูกล็อค (TVL) ไว้บน bZx ลดลงไปถึง 70% โดยเหลืออยู่แค่ประมาณ 6.3 ล้านดอลลาร์เท่านั้น โดยนาย Kistner กล่าวว่า “หลายสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในวงการ DeFi”
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับว่าทาง bZx จะเรียกความมั่นใจของนักลงทุนคืนมาได้อย่างไร นาย Kistner กล่าวว่า “พวกเราต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีโครงสร้างแรงจูงใจที่มีความน่าดึงดูดใจสูง และทำให้ผู้ใช้งานต้องเข้ามาใช้ โดยไม่สนว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรต่อแบรนด์”