ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาโปรโตคอล DeFi รวมถึง Yearn.Finance, Compound, Synthetix และ Chainlink มีราคาพุ่งแตะจุดสูงสุดตลอดกาล จนทำให้หลายคนในชุมชนคริปโตเชื่อกันว่าช่วงขาขึ้นอาจเริ่มต้นขึ้นแล้ว
กระแสความนิยมที่ร้อนแรงของ Defi ส่งผลทำให้ราคาของ ETH พุ่งสูงขึ้นจากระดับ 100 ดอลลาร์ในเดือนมีนาคมไปเป็น 470 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 500% ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน
อย่างไรก็ตามกระแสนิยมของ DeFi เริ่มชะลอลดลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาของ ETH ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 350 ดอลลาร์
รายงานจาก CoinMetrics เผยว่ากว่า 72% ของสินทรัพย์คริปโตอันดับต้น ๆ มีมูลค่าร่วงลดลงแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์และจำนวนดังกล่าวนั้นได้เพิ่มขึ้นไปเป็น 93% สำหรับการวิเคราะห์แบบเดือนต่อเดือน จากกราฟการวิเคราะห์ DeFi ของ Messari ในเดือนกันยายน เราจะเห็นได้เหรียญ DeFi ส่วนใหญ่มูลค่าร่วงลดลงอยู่ที่ระหว่าง 15% – 85% โดย bZx Network ขาดทุนไปกว่า 85%, Curve ร่วงลดลงกว่า 78%, Swerve (-76%), Ren (-57%), Balancer ( -53%), THORChain (-52%), Synthetix (-34%) และ AAVE (-29%)
นอกจากนี้ตัวชี้วัดแบบต่อเนื่องราย 7 วัน ของอัตราส่วนสินทรัพย์ที่แตะจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 30 วันเปรียบเทียบกับอัตราส่วนของสินทรัพย์ที่แตะจุดต่ำสุดในรอบ 30 วันยังคงชี้ให้เห็นถึงช่วงระดับขาลงที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีนี้ แต่โชคดีที่เรายังห่างไกลจากช่วงระดับขาลงของปี 2018
ในปัจจุบันนักเทรดบางรายเริ่มสงสัยกันแล้วว่า การปรับฐานราคาล่าสุดนั้นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงช่วงขาลงหรือไม่ ? อย่างไรก็ตามการปรับฐานราคาลดลงนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้นและในปี 2017 มันก็มีการปรับฐานราคาหลายครั้ง แต่ตลาดก็ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อไป
ในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์นี้ DeFiWorld ระบุว่า “การปรับฐานราคานั้นเป็นเรื่องปกติและมันส่วนหนึ่งของแนวโน้มขาขึ้นในปีนี้ที่ทำให้เราหวนนึกถึงเมื่อปี 2016 ก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้นแตะจุดสูงสุดตลอดกาล”