อันดับแรกเราต้องมาความรู้จักกันก่อนว่า Dead Cross นั้นคืออะไร ซึ่งการที่ Dead Cross จะเกิดขึ้นนั้นก็ต่อเมื่อมีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (Short-term Moving Average) ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (Long-term Moving Average)
ในขณะที่นักลงทุนคริปโตต่างกำลังกลัว มูลค่าการซื้อขายในตลาดคริปโตก็ได้เพิ่มขึ้นเข้าใกล้จุด death cross เข้ามาทุกที ๆ หากมันตัดกันได้สำเร็จก็จะสามารถยืนยันได้ว่าตลาดอาจจะกลับสู่ช่วงขาลงอีกครั้ง
สัญญาณ Death Cross
มีลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกเราว่า Crypto winter กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมันจะเป็นตัดของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือที่เราเรียกกันว่าสัญญาณ death cross ซึ่งก็คือเมื่อค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นเช่น MA 50 วัน ตัดกันกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาวเช่น MA 200 วัน
ตามกราฟที่แชร์โดยนักวิเคราะห์ EXCAVO เผยให้เห็นว่าราคารายวันของ Bitcoin กำลังเข้าใกล้จุด Dead Cross เข้ามาทุกที ๆ สำหรับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 200 วัน หากมันตัดกันได้สำเร็จตลาดหมีอาจโผล่มาหลอกหลอนพวกเราได้อีกครั้ง
สัญญาณ Death Cross ที่อาจล่าช้า
Bitcoin ไม่จำเป็นต้องอยู่ในช่วงขาลงเสมอไป หลังเกิดสัญญาณ Death Cross
หากเรามองดูไปที่กราฟด้านบนจะเห็นได้ว่า การตัดกันระหว่างเส้น 50-DMA และเส้น 100 DMA นั้นได้เกิดขึ้นหลังจากที่ราคาของ BTC / USD ร่วงลดลงไปแล้ว สัญญาณ Death Cross ถึงจะปรากฏขึ้นมา ซึ่งมันอาจมีความล่าช้าในบางกรณี
อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์เชื่อว่าทำเนียบขาวจะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และนั่นจะพิสูจน์ให้เห็นว่า Bitcoin กำลังมุ่งหน้าไปสู่ช่วงขาขึ้นในระยะยาว ด้วยการอัดฉีดเงินหลายล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐที่ควบคู่ไปกับนโยบายการเข้าซื้อพันธบัตรที่ไม่มีที่สิ้นสุดของธนาคารกลางสหรัฐ
“หากทรัมป์อนุมัติการกระตุ้นเศรษฐกิจใด ๆ นั้นจะเป็นเพียงการเลื่อนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ออกไปก่อนเท่านั้น ซึ่งก็คือภาวะเศรษฐกิจถดถอยและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่” นาย Michaël van de Poppe นักวิเคราะห์อิสระกล่าว “Bitcoin อาจได้รับผลกระทบในระยะสั้นเช่นกัน (ในเชิงลบ) แต่ในระยะยาวมันจะกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างแน่นอน”
ในขณะที่เขียนรายงานอยู่นี้ Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ระดับ $ 10,565 มูลค่าลดลงประมาณ 1% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อ้างอิงข้อมูลจาก Coin360