<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ค่ายเกมระดับโลก CAPCOM ถูกไวรัสเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin เล่นงาน เรียก 336 ล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ไวรัสเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin นั้นดูเหมือนว่าจะระบาดอย่างหนักมากในปี 2020 นี้ โดยผู้ตกเป็นเหยื่อนั้นมักจะเป็นหน่วนงานรัฐบาล, มหาวิทยาลัย และบริษัทด้านเทคโนโลยีอย่างเช่น Tesla โดยในสัปดาห์นี้ นักแฮ็คเกอร์นั้นดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จในการโจมตีลูกค้ารายใหญ่ใหม่แล้วนั่นก็คือ Capcom

Capcom นั้นถือเป็นบริษัทที่ผลิตเกมชื่อดังอย่าง Devil May Cry, Megaman, Resident Evil และ Street Fighter

Capcom ถูกเรียกค่าไถ่ 336 ล้านบาท

โดยในตอนเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา โดยทาง Capcom ได้ออกประกาศว่าพวกเขานั้นได้ตกเป็นเป้าของการโจมตีทางคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่ได้ออกมาให้รายละเอียดว่าถูกโจมตีในลักษณะใด แต่กล่าวว่าพวกเขานั้นต้องหยุดให้บริการในบางส่วน และแจ้งตำรวจ

“ในตอนเช้าของช่วงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2020 นั้นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของ Capcom Group นั้นต้องประสบปัญหาในบางส่วน รวมถึงอีเมล์และไฟล์บน server บางส่วนอีกด้วย โดยทางบริษัทนั้นได้ยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวนั้นเกิดมาจากการเข้าถึงคอมพิวเตอร์จากภายนอกและทำให้ระบบบางส่วนในเครือข่ายนั้นหยุดทำงานลงในวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา”

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ความรู้ด้านมัลแวร์ และใช้นามแฝงว่า Pancak3lullz นั้นสามารถที่จะตรวจสอบบางส่วนของโค้ด malware ดังกล่าวได้ และให้สัมภาษณ์กับ Bleeping Computer ว่าทาง Capcom นั้นถูกโจมตีด้วยไวรัสเรียกค่าไถ่ที่ถูกพัฒนาโดยกลุ่มที่มีชื่อว่า “Ragnar Locker”

นาย Pancak3lullz กล่าวว่า Ragnar Locker นั้นสามารถที่จะเข้ารหัสอุปกรณ์ในบริษัท Capcom ได้ราว ๆ 2,000 เครื่อง และได้เรียกร้อง Bitcoin เป็นมูลค่าราว ๆ 11 ล้านดอลลาร์ หรือ 336 ล้านบาท เพื่อแลกกับรหัสผ่านเพื่อปลดล็อคไฟล์จำนวนราว ๆ 2 TB ที่ในขณะนี้ทาง Capcom ไม่สามารถเข้าถึงได้

ข้อมูลที่สำคัญมากกับทาง Capcom นั้นก็คือเอกสาร, พาสปอร์ต, รายงานการขาย, สเตทเมนท์ธนาคาร, สัญญา, และฐานข้อมูลอื่น ๆ ที่มีข้อมูลด้านกลยุทธ์ของบริษัทอยู่

ไวรัสเรียกค่าไถ่ที่ยังเป็นปัญหาต่อวงการคริปโต

ปัจจุบันมีการโจมตีด้วยการใช้ไวรัสเรียกค่าไถ่ที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในขณะนี้ โดยนักแฮ็คเป็นจำนวนมากมักจะเรียกร้องค่าไถ่เป็นรูปแบบเหรียญคริปโตอย่างเช่น Bitcoin และ Monero

สาเหตุนั้นเป็นเพราะว่ามันง่ายดายต่อการหลบหลีกการติดตาม ไม่ว่าจะโอนไปที่ไหนทั่วโลกก็ตาม โดยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ดังกล่าวนี้ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมในหมู่นักแฮ็คเกอร์อย่างมาก จนมีการคาดการณ์กันว่าในทุก ๆ 10 วินาที จะมี 1 ธุรกิจที่ถูกโจมตีโดยไวรัสเรียกค่าไถ่ดังกล่าวนี้ และหากลองดูในปี 2016 ที่ผ่านมาจะพบว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นอยู่ที่ราว ๆ 1 ธุรกิจต่อ 2 นาทีเท่านั้น

หนึ่งในตัวไวรัสเรียกค่าไถ่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดนั้นก็คือ REvil โดยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้นมันได้โจมตีคนดัง ๆ อย่าง Donald Trump, Lady Gaga, และ Madonna มาแล้ว นอกจากนี้ผู้ผลิตไวรัสดังกล่าวยังได้มีการโพสต์ในเว็บบอร์ดเพื่อชักชวนให้มีคนมาช่วยพัฒนามันให้ดีขึ้นอีกด้วย

สิ่งนี้กลายเป็นความท้าทายใหม่ในยุคที่ต้องพึ่งพาดิจิทัลเป็นส่วนใหญ่ของชีวิต ที่ผู้คนมักจะเริ่มไม่ให้ความสนใจกับการ backup ข้อมูลของพวกเขาแล้ว