ในขณะที่ Bitcoin กำลังถูกซื้อขายอยู่กันที่ราคาเหนือ 23,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ กำลังกลายกลายเป็น New normal ของโลกการลงทุน สถาบันการเงินและผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่กำลังผลักดันราคาของ Bitcoin ให้ไปสู่ระดับที่ไม่มีแนวต้านใดๆขวางกั้นเลยในกราฟราคา และนี่ก็ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ on-chain เลย โดยมีนาย Willy Woo ออกมาพูดว่า
“ ผมให้แบบพอดีๆหน่อยก็คงนู่นแหละครับที่ระดับ 100,000 เหรียญ และก็เวอร์ขึ้นไปสักประมาณ 200,000 เหรียญจะสวยมากๆ 300,000 เหรียญก็ยังเป็นไปได้เลย และผมไม่ได้ล้อเล่นนะเหรียญละ 1,000,000 ก็ยังได้ “
ตามที่นาย Willy Woo ได้พูดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิด Supply Shock เพราะว่าทั้งสถาบันและนักลงทุนต่างๆได้หลังไหลเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ.และมันก็สำคัญมากสำหรับนักเทรดรายย่อยทั้งหลายในการระบุ Market Cycle ของ Bitcoin อีกทั้งสถาบันต่างๆก็กวาดซื้อ Bitcoin ในหลายๆเดือนและยิ่งบวกกับ Supply ของ Bitcoin ที่ถูกขุดออกมาได้อย่างน้อยนิดก็ถูกสถาบันกวาดซื้อไปซะจนหมดเกลี้ยง
ถ้ามองย้อนไปในปี 2018 และ 2019 นักวิเคราะห์ทางเททคนิคและเทรดเดอร์หลายๆคนคงมองไม่ออกหรอกว่าจะได้เห็นราคาของ Bitcoin มาถึงจุดนี้ได้ และคงไม่มีใครรู้ได้หรอกว่าตลาดจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงในตอนนั้น
จริงแล้วในปี 2019 ราคาของ Bitcoin ได้ร่วงลงจากระดับ 6,000 เหรียญไปสู่ระดับ 3,000 เหรียญซึ่งเป็นการเปิดตลาดตั้งแต่ต้นปีกันเลยทีเดียว
ข้อมูลจาก CoinMarketCap และกราฟราคาที่แสดงให้เห็นตามข้างบนนี้ ซึ่งมันได้บ่งบอกความแตกต่างที่ค่อนข้างชัดเจนว่าปี 2020 จะไม่เหมือนปี 2018 และปี 2019
ในปี 2019 ตอนที่ราคาของ Bitcoin ได้เพิ่มจาก 4,000 เหรียญ ไปที่ 14,000 เหรียญนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งมาจากแรงซื้อของสถาบันอย่าง Grayscale เช่นกันและหลังจากนั้นก็มีการทะยอยเทขายกันลงมาซึ่งนักลงทุนรายย่อยหลายๆรายก็ได้ออกจากตลาดไปในช่วงนี้ และมันอาจจะเป็นแผนการในการไล่ Weak hand ออกของสถาบันก็เป็นได้ เราก็ต้องมาดูกันอีกมีว่า Supply ของ Bitcoin ที่ยังคงหลงเหลืออยู่อาจจะถูกกวาดซื้อโดยสถาบันไปทั้งหมดก็เป็นได้
และถ้า Supply ถูกควบคุมด้วยสถาบันต่างๆ ถ้ามีการเทขายเกิดขึ้นครั้งหนึ่งมันจะมีผลต่อราคาของ Bitcoin แน่นอนซึ่งถ้าเกิดเหตุการณืแบบนั้นจริงๆก็จะเป็นการเขย่า weak hand ออกไปได้อีกหลายคนเลยทีเดียว
การเข้ามาของสถาบันต่างๆได้ส่งผลต่อตลาดขาขึ้นครั้งนี้เป็นอย่างมากและมันได้เปลี่ยนการหมุนเวียนของเงินลงทุนไปพอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนนักลงทุนที่น้อยกว่า 100 ล้านคนในตลาดคริปโตและสถาบันใหญ่ๆอีกบางแห่ง ซึ่งมันมีราศีดีกว่าปี 2017 ที่มีแต่แรงซื้อมาจากแชร์ลูกโซ่ซะเป็นส่วนใหญ่อย่างแนน่อน