<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้ก่อตั้ง Coin Metrics โต้แย้งสื่อ Wall Street Journal ว่า USDT ทำให้ฟองสบู่แตก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านคริปโต Coin Metrics ออกมาโต้แย้งบทความของสื่อกระแสหลักก่อนหน้านี้ที่อ้างว่า “ฟองสบู่ Bitcoin” ได้รับแรงกระตุ้นจาก Tether อยู่เบื้องหลัง

นาย Nic Carter อดีตนักวิเคราะห์สินทรัพย์คริปโตของ Fidelity และหุ้นส่วนของ Castle Island Ventures ได้ออกมาโต้แย้งบทความของ Wall Street Journal ที่มีชื่อว่า “เบื้องหลังฟองสบู่ของ Bitcoin” ที่ถูกเขียนโดยนาย Andy Kessler ซึ่ง Carter อ้างว่ามันเป็นการ “ทุจริตต่อหน้าที่ของสื่อ”

“โดยปกติแล้ว ถ้าคุณเป็นคอลัมนิสต์ที่เขียนในสิ่งพิมพ์ทางการเงินที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง คุณควรวิเคราะห์ข้อมูลที่อยู่เบื้องหลังการอ้างสิทธิ์เหล่านั้นก่อนที่จะยอมรับมันโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งเห็นได้ชัดว่านาย Kessler ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาเพียงแค่กล่าวอ้างข้อมูลที่เพ้อฝันจากบล็อกเกอร์นิรนามเพื่อบอกเป็นนัย ๆ แล้วว่าราคาของ Bitcoin นั้นขึ้นอยู่กับ Tether”

นักเขียน Wall Street Journal ที่ได้รับรางวัลจากคำวิจารณ์ที่กว้างขวางของเขาเกี่ยวกับผลงานของบล็อกเกอร์ “CryptoAnon” ในโพสต์ไวรัลที่มีชื่อว่า “The Bit Short: Inside Crypto’s Doomsday Machine”โดย Kessler เขียนในโพสต์บล็อกว่า “มีการซื้อ Bitcoin มากถึงสองในสามในแต่ละวันด้วยเหรียญ Tether” 

สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับบริษัทของ Tether ในเรื่องการขาดการตรวจสอบและแนวคิด USDT ที่ถูกเสกขึ้นมาเพื่อปั่นราคา Bitcoin โดยเขา Kessler กล่าวว่า

“ปกติผมจะไม่ได้สนใจ Bitcoin มันไม่ใช่ตัวเก็บรักษามูลค่า เพราะอะไรก็ตามที่มีมูลค่าลดลง 30% ภายในหนึ่งสัปดาห์มันไม่สามารถที่จะทำหน้าที่เหล่านั้นได้”

นอกจากนี้ Kessler ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ผู้ให้บริการกระเป๋าเงิน Coinbase ซึ่งเป็นผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ประกาศว่า พวกเขาจะ ‘ไม่สนับสนุนเหรียญ USDT’ และนั่นหมายความว่า พวกเขาอาจรู้อะไรบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ (Coinbase เสนอเหรียญ stablecoin USDC ของตัวเองโดยร่วมมือกับ Circle)

อย่างไรก็ตามนาย Carter ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการที่ Coin Metrics กล่าวโต้แย้งว่า การวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อขายระหว่าง USDT และ Bitcoin โดยใช้ข้อมูลที่เรียกว่า CoinLib นั้น “ฟังไม่ขึ้น” เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวนั้นได้รวมข้อมูลการปั่นราคาตลาดมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์จากเว็บเทรดที่ไม่เป็นที่รู้จักหลายแห่ง

Carter กล่าวว่า นักเทรดตัวจริงจะรู้ดีว่า “ข้อมูลเว็บกระดานเทรดจำนวนมากที่อ้างอิงจาก CoinLib นั้นเป็นข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ”

“ข้อมูลนี้ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เราประเมินสภาพคล่องของ Bitcoin ที่ถูกครองส่วนแบ่งโดย Tether ได้และการใช้ข้อมูลนี้อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด ซึ่งน่าเสียดายที่สื่อทางการเงินที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางกำลังใช้สิทธิ์ในการอ้างอิงข้อมูลที่ผิดพลาดเหล่านี้อยู่”

Carter กล่าวอธิบายว่า  CoinLib เป็นการแสดงผลข้อมูลจากเว็บเทรดที่กำลังร่อแร่และมักจะไม่ใช้เงินเฟียตในจับคู่ซื้อขายกับ Bitcoin 

Carter กล่าวโต้แย้งว่า กระดานเทรดที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดและผู้ให้บริการดูแลรับฝากสินทรัพย์คริปโตของเหล่าสถาบันจะไม่พึ่งพาหรือแม้แต่สนับสนุน Tether

“หน่วยงานอื่น ๆ เช่น Cash App, Paxos, Paypal, BlockFi, Robinhood, Bitwise และ Grayscale ล้วนอำนวยความสะดวกในการเปิดเผย Bitcoin ในรูปแบบต่าง ๆ และเชื่อมต่ออยู่กับระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งในบางกรณีบริษัทเหล่านี้อาจจะไม่มี Tether อยู่”

Carter กล่าวสรุปว่านาย Kessler ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมมากกว่านี้และเขายังได้เรียกร้องให้ WSJ ลบหรือแก้ไขบทความดังกล่าวอีกด้วย :

“การอาศัยข้อมูลที่ทุกคนในอุตสาหกรรมคริปโตรู้กันดีว่ามันผิด เป็นเรื่องที่มืออาชีพไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง”