<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

3 ตัวแปรพื้นฐานที่คาดว่าส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาด Bitcoin และคริปโตในวันนี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็นวันที่ยากลำบากสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัล โดยมูลค่าตลาดทั้งหมดได้ลดลงราว ๆ  360 พันล้านดอลลาห์สหรัฐ นับตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์จากราคาที่ลดลงของเหรียญหลัก ๆ ที่ได้รับความนิยม

ราคาของ Bitcoin ลดลงประมาณ 13,000 ดอลลาร์นับตั้งแต่ราคาได้ทำระดับสูงสุดตลอดกาล (all-time high) และในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเพียงราคาได้ลดลงประมาณ 15% 

โดยนักวิเคราะห์จาก Cryptopotato นั้นได้ทำการพิจารณาถึง 3 ตัวแปรด้านพื้นฐานที่คาดว่าอาจมีส่วนส่งผลกระทบต่อตลาดในวันนี้

การเทขายเพื่อทำกำไรของนักลงทุน

เป็นที่น่าสังเกตว่าตลาดอยู่ในรูปแบบพาราโบลาก่อนการปรับฐานล่าสุด การปรับตัวขึ้นอย่างเดียว อาจจะฟังดูน่าสนใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วนักลงทุนจะต้องขายทำกำไรในบางช่วงเวลา จากรายงานของ CryptoPotato เผยว่า นักลงทุนน่าจะขายผลกำไรจากสถานะซื้อขายของพวกเขา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมและเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ

เราจะเห็นได้ว่าการวิ่งขึ้นของตลาดกระทิงรอบนี้ไม่ได้มีการปรับฐานอย่างจริงจังเหมือนเมื่อตอนปี 2017 ซึ่งตลาดมีการปรับฐานถึง 6 ครั้ง ราว ๆ กว่า 30% หรือมากกว่านี้ แต่ในตอนนี้เรายังไม่เห็นการปรับฐานแบบนั้นเลย

Bitcoin เคยมีความผันผวนอย่างมากเมื่อเทียบกับตลาดการเงินแบบดั้งเดิม และหลังจากการเพิ่มขึ้นของราคาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมีโอกาสที่คนจะเทขายทำกำไรออกไปบ้าง เนื่องจากราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นแบบพาราโบลา

อย่างไรก็ตามแม้จะมีการปรับฐานล่าสุด แต่ราคา BTC ก็ยังคงเพิ่มขึ้น 300% นับตั้งแต่เดือนตุลาคม เป็นที่น่าสังเกตว่าตลาดอยู่ในรูปแบบพาราโบลาก่อนการปรับฐานล่าสุด การปรับตัวขึ้นอย่างเดียว อาจจะฟังดูน่าสนใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วนักลงทุนจะต้องขายทำกำไรในบางช่วงเวลา

ตลาดมีการใช้ leverage ในสัญญาซื้อมากเกินไป ทำให้เกิดการ Long Squeeze

สิ่งที่ควรพิจารณาอีกประการหนึ่งคือ ตลาดมีการใช้ leverage ใน long position ที่ยาวนานในตลาด ข้อมูลจาก Bitfinex ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัท ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำแสดงให้เห็นว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ สัญญาการซื้อ (long) BTC พุ่งสูงสุดที่ประมาณ 29,000 

สิ่งที่เห็นด้านบนคือ ตลาดเกิดการ long squeeze ขนาดใหญ่ โดยมีการ liquidating มากกว่า 21% ในสถานะการซื้อ (long position) สิ่งนี้ทำให้เกิดผลกระทบที่ตามมาเนื่องจากราคาลดลงจากการ liquidation อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ funding rates ของสถานะที่ซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้น ที่พุ่งสูงอย่างมาก ทำให้เกิดการรีเซ็ตบางอย่าง โดยข้อมูลจาก CryptoQuant เผยให้เห็นว่า การปรับฐานล่าสุดส่งผลให้ funding rate ลดลงไประดับเดียวกับ 30 วันก่อนหน้านี้ 

การร่วงลงของตลาดหุ้นวอลสตรีทเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับตลาด Bitcoin

เมื่อเราหันกลับมามองในระดับมหภาคจะเห็นว่าตลาดคริปโตไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ร่วงลง

นอกจากนี้ดัชนีหุ้นหลักไม่ว่าจะเป็น S&P 500 หรือ NASDAQ 100 ล้วนร่วงลงไปพร้อม ๆ กับราคา bitcoin กล่าวได้ว่าตลาดการเงินแบบดั้งเดิมมีความสัมพันธ์บางอย่างกับราคา bitcoin นั่นเอง

แม้ว่าความสัมพันธ์เหล่านี้อาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไป แต่ท้ายที่สุดแล้ว Bitcoin ยังคงเป็นเกมที่ค่อนข้างเสี่ยงสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ และเทรดเดอร์บางรายได้ liquidate ผลกำไรบางส่วนเพื่อชดเชยการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการร่วงลงในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม

ดัชนี NASDAQ ได้มีการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบสลทำให้ตลาดสั่นสะเทือน และนักลงทุนหันไปจับตามองบริษัทที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในวงกว้าง

Peter Tuz ประธานที่ปรึกษาการลงทุนของ Chase ในเมือง Charlottesville รัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า

“ผลตอบแทนพันธบัตรที่ 1.5% เทียบได้กับผลตอบแทนเงินปันผลใน S&P 500 และไม่มีความเสี่ยงด้านเงินทุนภายใน 10 ปี ซึ่งนักลงทุนจะได้รับเงินต้นคืน ด้วยเหตุนี้มันถึงแข่งขันกับหุ้นได้”

ที่มา: