นักวิเคราะห์ทางด้านสกุลเงินดิจิทัลได้แนะนำให้บริษัทฟินเทคชั้นนำ พิจารณาการเก็บสินทรัพย์สำรองบางส่วนไว้ใน Bitcoin เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น อันเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาอาจเผชิญได้ เนื่องจาก USD ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
Vijay Boyapati ได้อธิบายใน Twitter ว่า บริษัทฟินเทคที่มีมูลค่ามากที่สุด ซึ่งรวมถึง Google, Facebook, Microsoft และ Apple จะไม่มีอะไรต้องเสียเลยหากพวกเขาลงทุน 1% ของสินทรัพย์สำรองไว้ใน Bitcoin
“บริษัทชั้นนำอย่าง Microsoft, Apple, Google, and Facebook คงเพี้ยนไปแล้ว ถ้าไม่นำสินทรัพย์คงคลัง 1% จากหลายแสนล้านดอลลาห์ไปถือ Bitcoin (ส่วนใหญ่ถืออยู่ในพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ผลตอบแทนต่ำมาก)”
“คลังของพวกเขาเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ ภายใต้สภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ร้อนระอุขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง”
Boyapati เป็นนักลงทุน Bitcoin ที่รู้จักกันดีจากบทความเรื่อง“ A bullish case for bitcoin” ที่มีผู้อ่านอย่างกว้างขวาง และเคยเป็นวิศวกรของ Google เมื่อ 20 ปีก่อน เขาเพิ่งไปเยี่ยมบริษัท Google เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความสำคัญ Bitcoin ในฐานะสกุลเงินที่มีค่าครองโลก งานนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งโดยมีผู้เข้าร่วมและทีมงาน Google สูงสุดเท่าที่จะรองรับได้
นอกจากจะให้ความรู้เกี่ยวกับ Bitcoin อย่างมากมายแล้ว Boyapati ได้สร้างจุดแข็งมากมายให้กับ Bitcoin บน Twitter เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาได้กล่าวต่อต้านการแบนกุลเงินดิจิทัลของอินเดียบน Twitter โดยอธิบายว่า การห้ามซื้อขาย bitcoin อาจส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจอินเดียได้อย่างไร
“ กฎหมายของอินเดียในการแบน Bitcoin เป็นอันตรายต่อพลเมืองของตนอย่างทวีคูณ เนื่องจาก Bitcoin กำลังดึงพรีเมี่ยมทางการเงินจากทองคำ ซึ่งชาวอินเดียถือครองมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์”
นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลอินเดียอาจต้องไตร่ตรองก่อนดำเนินการขั้นสุดท้ายในการแบน Bitcoin แม้รัฐบาลจะอ้างว่าสกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นภัยคุกคามต่อสกุลเงินประจำชาติของประเทศ แต่ก็ไม่มีข้อมูลใดที่พิสูจน์ได้ว่า Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มีส่วนในการลดค่าเงิน (devaluation) แม้ว่าจะมีการแนะนำสกุลเงินดิจิทัลระดับประเทศ แต่ความต้องการ Bitcoin ก็ไม่น่าจะลดลง หากสินทรัพย์ยังคงมีมูลค่าเพิ่ม
นอกจากนี้ทั้ง Vijay และผู้ชื่นชอบ bitcoin คนอื่นๆยังมองว่า เป็นไปได้ที่ Bitcoin อาจกลายเป็นสกุลเงินสำรองของโลก โดยเขาได้ทวิตสรุปว่า “ไม่มีใครจะได้รับประโยชน์มากไปกว่าคนรุ่นใหม่จากการที่ Bitcoin จะกลายเป็นสกุลเงินสำรองของโลก