นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความผันผวนและไม่แน่นอนของตลาดคริปโตเป็นอย่างมาก นำโดย Bitcoin หลังจากเมื่อ 16 มีนาคมราคาได้ทำจุดสูงสุดตลอดกาล (All-time high) ที่ระดับ 61,700 ดอลลาห์ไปได้ ราคาได้เจอการปรับฐานหลังจากนั้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งล่าสุดวันที่ 25 มีนาคม ราคา BTC ได้ร่วงลงแตะระดับ 50,000 ดอลลาห์ ในขณะที่เขียนราคา Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ 50,707 ดอลาาห์ โดยลดลงกว่า -10.88% ในวันนี้
การปรับฐานอย่างรุนแรงในครั้งนี้ ทำให้มูลค่าตลาดของ Bitcoin ลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาห์อีกครั้ง ข้อมูลจาก CoinGecko ชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันมูลค่าตลาดโดยรวมของ BTC นั้นอยู่ที่ระดับ 9.8 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งร่วงลดลงกว่า 1.4 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
ตลาดที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในวันนี้ ทำให้นักเทรด bitcoin ในไทยบางรายเครียดหนักเพราะกลัวจะถูกล้างพอร์ตด้วย
สาเหตุของการปรับฐานมาจากประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นมากมาย โดยก่อนหน้านี้ประธานเฟดอย่าง Jerome Powell ได้ออกมาเตือนว่า “สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไร มีความผันผวนสูง และไม่สามารถการันตีมูลค่าของมันได้อย่างแท้จริง จึงไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงินในปัจจุบัน” นอกจากนี้ Stablecoins ที่เป็นที่นิยมอย่าง Tether และ USC Coin (USDC) สกุลเงินเหล่านี้ไม่สามารถ “ทดแทน” สำหรับระบบการเงินที่มีอยู่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าความคิดเห็นของเขาได้ส่งผลกระทบ ทำให้ราคา Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่มีการปรับฐานหลังจากนั้น
ปัจจัยอื่นที่คาดว่าส่งผลต่อการปรับฐานยังมาจากการที่ประเทศต่าง ๆ อาจแบน Bitcoin รวมถึงท่าทีในหลาย ๆ ประเทศที่ไม่อนุมัติและไม่สนับสนุน Bitcoin รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อีกด้วย
นอกจากนี้การที่นาย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ และนาง Janet Yellen รัฐมตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกมาให้คำมั่นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาห์พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยดัชนีดอลลาห์สหรัฐ (DXY) ได้พุ่งเหนือระดับ 92.50 ซึ่งผ่านแนวต้านที่สำคัญมาได้ ทำให้ Bitcoin และตลาดคริปโตได้รับผลกระทบไปตามกัน