Tyler Winklevoss โพสต์ Twitter ล่าสุดโดยอธิบายว่า กระบวนการตรวจสอบโครงสร้างของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์นั้นได้ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนั้นแล้ว ซึ่ง Tyler Winklevoss ไม่เชื่อว่า จะมีสิ่งอื่นใดที่รัฐบาลจะกลับมาแบนอีก ซึ่งหมายความว่าการตรวจสอบได้เสร็จสิ้นไปแล้วเรียบร้อย
จาก Twitter ล่าสุดของเขาเผยว่า:
“ รัฐบาลสหรัฐฯจะไม่มีทางแบน Bitcoin คำถามเหล่านี้ถูกถามและตอบโดยหน่วยงานกำกับดูแล และศาลในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เรือลำนี้ได้แล่นผ่านไปแล้ว”
ความเชื่อมั่นของ Tyler Winklevoss นั้นค่อนข้างแตกต่างจากมหาเศรษฐี Ray Dalio ที่เพิ่งส่งคลื่นช็อกไปยังราคา Bitcoin ซึ่งใน Twitter ของเขาเปิดใจเกี่ยวกับแผนการที่เขาคิดว่ารัฐบาลอาจมีต่อ Bitcoin ในอนาคต
แม้ว่า Ray จะไม่ได้สรุปว่าในที่สุดรัฐบาลจะดำเนินแบน แต่เขาก็มีประเด็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใดจึงเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะพุ่งเป้าไปที่ Bitcoin เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ Bitcoin ถือเป็นภัยคุกคามต่อ USD รัฐบาลอาจต้องการลดความตึงเครียดลงเพื่อช่วยให้ USD เติบโตขึ้น
การตอบสนองที่หลากหลายต่อความเห็นของ Tyler
ในเวลานี้มีนักลงทุนบางส่วนที่ให้ความสำคัญกับคำเตือนของ Dalio โดย CryptoWhale ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์และนักขุด Bitcoin ที่ได้รับความนิยมได้ตอบโต้ Tyler Winklevoss โดยเรียกร้องให้เขาใช้ตรรกะมากขึ้น
“ พวกเขาจะแบนมันในที่สุด”
ดูสงครามทั้งหมดที่สหรัฐฯเริ่ม เพื่อปกป้องสกุลเงินของตนเอง
นึกถึงความปรารถนาให้น้อยลง และใช้ความคิดเชิงตรรกะมากขึ้นเหอะ!”
หากสหรัฐฯประสบความสำเร็จในการแบน Bitcoin ก็จะทำให้ประเทศอยู่ในเรือลำเดียวกันกับไนจีเรียและอินเดีย ซึ่งรัฐบาลของทั้งสองประเทศมีแผนที่จะ จำกัด ควบคุมการซื้อขายคริปโต แม้ว่าจะไม่มีการบอกว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่นโยบายที่เข้มงวดใด ๆ ที่ออกมาอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อนักลงทุน และนัดเทรด ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อราคาของ Bitcoin ด้วย
เงินจากนักลงทุนสถาบันที่ไหลเข้าสู่ Bitcoin จะช่วยให้รอดพ้นจากรัฐบาลได้หรือไม่?
ประเด็นเกี่ยวกับคริปโตและสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ CryptoWhale ระบุนั้นเป็นเรื่องที่ชุมชนกำลังกังวล ซึ่งเห็นได้จากหายนะทางกฎหมายที่เกิดขึ้นกับ Tether และ Ripple เป็นที่น่าสังเกตว่าสถาบันขนาดใหญ่ที่ซื้อ Bitcoin นั้น ทำให้แบรนด์ของสินทรัพย์แข็งแกร่งขึ้น
สิ่งนี้ทำให้เกิดอีกแนวความคิดนั่นคือ เงินของนักลงทุนสถาบันที่สนับสนุน Bitcoin นั้นเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายได้ เนื่องจากบางคนเชื่อว่าด้วยเงินหลายล้านดอลลาร์ที่ไหลเข้าสู่ Bitcoin รัฐบาลสหรัฐฯอาจจะลำบากในการหาช่องโหว่ผ่านการออกกฎหมาย