ย้อนกลับไปในปี 2017 หรือนานกว่านั้น แนวความคิดเกี่ยวกับการเงินแบบดั้งเดิมที่ทำงานร่วมกับสกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการยอมรับ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโตส่วนใหญ่พยายามที่จะเข้าถึงบริการด้านการธนาคาร หน่วยงานกำกับดูแล และสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่งที่หลีกเลี่ยง Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง ผู้นำและนักวิเคราะห์ต่างก็เตือนลูกค้าของพวกเขาให้อยู่ห่าง ๆ จากสกุลเงินเหล่านี้
แต่ในวันนี้ระบบนิเวศที่กำลังขยายตัวของการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi), stableclins, แพลตฟอร์มการชำระเงินที่ใช้งานบนบล็อกเชน และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เกิดขึ้น ธนาคารใหญ่ ๆ เริ่มเห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีบล็อกเชน และเริ่มดำเนินการซื้อ หรือเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของตนเองเพื่อให้การชำระเงินเป็นไปได้เร็วขึ้น
การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ
ในเดือนกรกฎาคม 2020 สำนักงานบัญชีกลางด้านสกุลเงิน (OCC) ของสหรัฐอเมริกา ได้ระบุว่า ธนาคารในสหรัฐอเมริกาสามารถให้บริการดูแลทรัพย์สินเกี่ยวกับคริปโตได้ ซึ่งนี่ถือเป็นการเปิดประตูสำหรับนักลงทุนในการถือครองสินทรัพย์ของพวกเขา และทำให้การเข้าสู่โลกคริปโตสำหรับหลาย ๆ คนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน OCC ได้ดำเนินการมากยิ่งขึ้น โดยอนุญาตให้ธนาคารระดับชาติให้บริการแก่ผู้ออก Stablecoin จากนั้นในเดือนมกราคม 2021 ได้ระบุว่า จะอนุญาตให้ธนาคารใช้บล็อกเชนเป็น “เครือข่ายการชำระเงิน” เพื่อให้สามารถชำระเงินได้เร็วขึ้น
กฎระเบียบทั้งหมดนี้ ทำให้ธนาคารแบบดั้งเดิมสามารถขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของตนไปสู่คริปโต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการบรรจบกันระหว่างการเงินแบบดั้งเดิมและโลกแห่งคริปโต วันนี้ธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลก รวมถึง BNY Mellon ซึ่งเป็นธนาคารผู้รับฝากทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเตรียมที่จะเปิดตัวโซลูชัน custody คริปโต ซึ่งนี่เป็นข่าวดีสำหรับทุกคน ไม่เพีย แต่นักลงทุนแบบดั้งเดิมที่จะเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น แต่ผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า เร็วกว่า และถูกกว่าจะปรากฏให้ทุกคนได้ใช้
เศรษฐกิจโลกที่ล้มเหลว
ระบบการเงินโลกที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโคโรน่าไวรัสทั่วโลกเป็นปัจจัยกระตุ้นทางการเงินอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สิ่งนี้นำไปสู่ การนำ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มาใช้มากขึ้น ในฐานะสินทรัพย์ hard asset ที่สามารถทำหน้าที่เป็นที่เก็บมูลค่า (store of value) จากอำนาจการซื้อที่ลดลงของสกุลเงิน fiat
เกือบหนึ่งในห้าของเงินดอลลาห์สหรัฐทั้งหมดได้ถูกสร้างขึ้นในปี 2020 เพียงปีเดียวเท่านั้น และอีก 1.9 ล้านล้านดอลลาห์ที่สร้างขึ้นจากอากาศ ไม่น่าแปลกใจที่เราได้เห็นนักลงทุนสถาบัน เช่น บริษัท MicroStrategy, Tesla, Stone Ridge Holdings, Square และ อื่น ๆ อีกมากมายที่เข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล พวกเขาได้จัดสรรเงินคงคลังของบริษัทใหม่ด้วยการลงทุนใน hard asset เช่น BTC แทนที่จะถือครองเงินสด (ที่มีความเสี่ยง)
นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ซึ่งทาง Cathie Wood ซีอีโอบริษัทจัดการการลงทุนอย่าง ARK Investment เชื่อว่า บริษัทใหญ่ ๆ อีกมากมายจะตามมาในเร็ว ๆ นี้ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเกมนี้ แม้แต่นักลงทุนแบบดั้งเดิมอย่าง Paul Tudor Jones, Bill Miller และ Stanley Druckenmiller ก็มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยซื้อ BTC เพื่อป้องกันความเสี่ยง
จากอุปสงค์ของนักลงทุนสถาบันและการยอมรับจากกระแสหลักที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ เช่น PayPal และ Mastercard ได้เสนอบริการเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลให้กับลูกค้า ผู้เข้าร่วมจำนวนมากจากธนาคาร ไปจนถึงกองทุนเพื่อการลงทุน เช่น SkyBridge Capital และ Aker ก็ได้เข้าร่วมสิ่งเหล่านี้ด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณที่ดีมากสำหรับคริปโต สถาบันการเงินและนักลงทุนแบบดั้งเดิมที่เข้ามาในพื้นที่ ทำให้สิ่งเหล่านี้มีความชอบธรรมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นักลงทุนจำนวนมากที่จะเข้ามา หมายถึง จำนวนเงินที่เข้าสู่ภาคส่วนและช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ดียิ่งขึ้นไปอีก และการเงินแบบดั้งเดิมก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากสามารถนำเสนอธุรกรรมที่มีต้นทุนต่ำลง การชำระบัญชีที่เร็วขึ้น การกระจายความเสี่ยง และผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองลูกค้าประเภทใหม่ได้
เครื่องมือขั้นสูงสำหรับเทรดเดอร์สถาบัน
เช่นเดียวกับภาคส่วนอื่น ๆ ของอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี่กำลังมีการพัฒนา เพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้น แพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin เช่น OKEx เดินหน้าไปสู่จุดสูงสุดและเสนอเครื่องมือสำหรับนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนมืออาชีพที่จำเป็นในการจัดการพอร์ตการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มผลกำไรและจัดการความเสี่ยง
คุณสมบัติใหม่ ๆ เช่น Portfolio Margin (หรือ Unified Account) จะช่วยให้สามารถบริหารเงินทุนได้ดีขึ้น ผ่านการใช้มาร์จิ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และการกำหนดสถานะแบบ cross-collateralization ทั้งหมดนี้เป็นการซื้อขายสินทรัพย์หลายรายการที่สามารถเกิดขึ้นจากบัญชีเดียว
นอกจากนี้ลูกค้าบุคคลที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิสูง และบริษัทโบรคเกอร์บางแห่งก็สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วย เทรดเดอร์สถาบันสามารถรวมสินทรัพย์ทั้งหมด เพื่อเพิ่มผลกำไรได้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถใช้อำนาจการซื้อทั้งหมดเพื่อดำเนินการซื้อขาย โดยที่ผู้ซื้อขายไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องการซื้อขายด้วยซ้ำ แต่สามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลใดก็ได้ในพอร์ตการลงทุนเป็นหลักประกัน นี่คือตัวเปลี่ยนเกมสำคัญในเรื่องความเร็ว ประสิทธิภาพ และประเภทของโซลูชันที่จะดึงดูดและรักษาผู้เล่นในสถาบันและความต้องการของพวกเขา
จุดจบแนวคิดเดิม ๆ
เมื่อการเงินแบบดั้งเดิมและคริปโตมาบรรจบกัน และเราได้เห็นความเป็นสถาบันของพื้นที่เหล่านี้มากขึ้น ซึ่ง Bitcoin เคยเป็นขบวนการที่ขับเคลื่อนด้วยรายย่อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติบนแนวคิดเรื่อง “magic internet money” ปัจจุบันมันเป็นสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ที่มีสิทธิของตัวเอง และได้ผลักดันให้การเงินแบบดั้งเดิมและเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในวิธีการดำเนินงาน นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของเฟสต่อไปสำหรับพื้นที่คริปโต ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน