กองทุน Purpose Investments ETF เป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนใน Bitcoin ตัวแรกของโลก ที่มีการเปิดตัวในแคนาดา ตอนนี้ได้มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 พันล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือนหลังจากที่มีการเปิดตัว นอกจากนี้กองทุน Bitcoin ETF อีกสองตัวที่เปิดตัวไม่นานหลังจากมีการก่อตั้ง Purpose ในแคนาดา ก็กำลังมี AUM เพิ่มขึ้นกว่า 200 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้มูลค่าสุทธิของ Bitcoin ETF รวมของแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์
กองทุน Purpose Bitcoin ETF ได้มีการเปิดตัวในปลายเดือนกุมภาพันธ์ และมีปริมาณการซื้อขายเกือบ 100 ล้านดอลลาร์ในวันแรก โดยกองทุน ETF มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์แรก เนื่องจากนักลงทุนต้องการเข้าถึงการซื้อขาย Bitcoin โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง
การที่หน่วยงานกำกับดูแลยอมรับและในที่สุดการเปิดตัวกองทุน Purpose ETF ถือเป็นการเปิดประตูสำคัญสำหรับธุรกิจ Bitcoin ของแคนาดา และกองทุน ETF อีกสองแห่งที่ได้เปิดตัวในสัปดาห์ต่อมา
ความสำเร็จของกองทุน Purpose ETF คือข้อได้เปรียบในการเป็นกองทุนรายแรก และยังเข้ามามีส่วนแบ่งในอุตสาหกรรม ETF ของแคนาดาด้วย โดย Bitcoin ETF ของ Evolve Fund Group มีสินทรัพย์เพียง 106 ล้านดอลลาร์ใน AUM แม้ว่าจะเสนอค่าธรรมเนียมการจัดการที่ต่ำกว่า Purpose ถึง 25%
ในขณะเดียวกัน CI Galaxy Bitcoin ETF ซึ่งเปิดตัวเพียงไม่กี่วันต่อมา ปัจจุบันมี AUM เพียง 90 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคราวนี้ลดค่าธรรมเนียมการจัดการลงเหลือ 0.4% อย่างไรก็ตามกองทุน ETF ทั้งหมดที่มีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นนั้นสอดคล้องกับราคา Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยหน่วยการลงทุนปรับตัวขึ้นสุงกว่าตอนเปิดตัว
ในขณะนี้บริษัทอเมริกันจำนวนมากได้ลงทะเบียนแอปพลิเคชันสำหรับ Bitcoin ETF กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) อย่างไรก็ตามยังไม่มีกองทุนใดได้รับการอนุมัติจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Digital, SkyBridge Capital และ Fidelity และอื่น ๆ อีกมากมาย ต่างยื่นคำขอจัดตั้งกองทุน ETF ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งหลายคนมองว่าการอนุมัติไม่น่าจะเกิดขึ้นง่าย ๆ
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า สหรัฐฯอาจมีการเปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF ครั้งแรกภายใน 1-2 ปี ในขณะที่บางคนยังหวังว่า สถานะล่าสุดของ Bitcoin รวมถึงตัวอย่างที่ได้เห็นจากหน่วยงานกำกับดูแลประเทศอื่นในอเมริกาเหนือ จะทำให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น
ที่มา: CoinTelegraph