นักวิเคราะห์ที่ใช้นามแฝงว่า “Guy” บอกกับผู้ติดตามช่องยูทูป Coin Bureau จำนวน 851,000 คน ว่าคริปโตเคอร์เรนซี สามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่อุตสาหกรรมทางการเงินแบบดั้งเดิมทำไว้
โดย Guy ยืนยันความเชื่อที่ว่าบิทคอยน์เป็นผลเสียและทำลายสิ่งแวดล้อม เกิดจากบทความทางวิชาการเมื่อปี 2018 ที่แสดงความเห็นว่าบิทคอยน์จะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส
จากมุมมองของ Guy เขาเชื่อว่าบทความดังกล่าวมีข้อผิดพลาดหลายประการ เช่น ข้อสันนิษฐานว่าบิทคอยน์มีการประมวลผลธุรกรรมเกือบหนึ่งพันล้านรายการในหนึ่งวัน ทั้งที่ความจริงแล้วบล็อกเชนสามารถประมวลผลธุรกรรมได้เพียงไม่กี่แสนรายการต่อวันเท่านั้น
“การเปรียบเทียบที่ว่าบิทคอยน์ใช้พลังงานสูงกว่าประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่งนั้นดูจะไม่ค่อยยุติธรรม เนื่องจากการขุดบิทคอยน์เป็นพื้นฐานของโครงสร้างการชำระเงินที่ปลอดภัยในอนาคต ไม่ใช่การใช้พลังงานในครัวเรือน และถึงยังไงการขุดบิทคอยน์ก็ยังใช้พลังงานน้อยกว่าการเสียบปลั๊กเครื่องชงกาแฟ, โคมไฟ, คอมพิวเตอร์และทีวีทิ้งไว้อยู่ดี” Guy กล่าวถึงข้อสันนิษฐานว่าการขุดบิทคอยน์ใช้พลังงานจำนวนมหาศาล
นอกจากนั้น Guy ยังได้พูดถึงข้อดีของบิทคอยน์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงสร้างของอุตสาหกรรมทางการเงินแบบดั้งเดิมได้ก่อเอาไว้
“ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานในบริษัท, ตู้เอทีเอ็ม, เซิร์ฟเวอร์, การขนส่งที่ปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมทางการเงินแบบดั้งเดิม ผมว่าสิ่งเหล่านี้และเครื่องพิมพ์เงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ เอง ก็ใช้พลังงานจำนวนมากในปัจจุบัน กลับกันคริปโตเคอร์เรนซีไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โครงสร้างเหล่านี้ กฎระเบียบและข้อบังคับทุกอย่างจะอยู่ในโค้ดของมัน นั่นทำให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นระบบการเงินที่ประหยัดพลังงานที่สุดในโลก”
Guy ยังระบุว่าธรรมชาติของบิทคอยน์ที่มีสภาวะเงินฝืด จะกระตุ้นให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างประหยัด ในขณะที่ธรรมชาติของระบบการเงินปัจจุบันที่มีสภาวะเงินเฝ้อ ก่อให้เกิดการบริโภคจำนวนมากและส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม และเขาเชื่อว่าความคิดเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีทำลายสิ่งแวดล้อมจะหมดไปในอีกไม่นาน
“จำคำผมไว้เลย เมื่อความเชื่อล้าสมัยเกี่ยวกับคริปโตและสิ่งแวดล้อมนี้หมดไป พวกองค์กรชั้นนำก็จะหาข้ออ้างใหม่ ๆ มาวิพากษ์วิจารณ์อยู่ดี เพราะพวกเขาดูจะชอบกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่การเริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลมันเกิดขึ้นแล้ว และไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรอีก พวกเขาก็ไม่มีวันหยุดมันได้”