การจะเริ่มต้นสร้างแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีแบบรวมศูนย์ (CeFi) คุณจำเป็นต้องมีสภาพคล่องจำนวนมากเท่ากับประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่ง เพื่อที่จะสามารถเปิดให้มีการซื้อขายได้
Block.one บริษัทซอฟต์แวร์ที่อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์มบล็อกเชน EOSIO ได้รวบรวมเงินจำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก BTC จำนวน 164,000 BTC มูลค่า 9.25 พันล้านดอลลาร์, EOS จำนวน 20 ล้าน EOS มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์, เงินจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ และการระดมทุนอีก 300 ดอลลาร์ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีที่มีชื่อว่า “Bullish Global”
ซึ่งตามประกาศในวันนี้ แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยน Bullish Global จะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่มีอยู่ในเครือข่าย EOS และแพลตฟอร์ม EOSIO ของ Block.one และยังมีแผนที่จะใช้เครื่องมือดูแลสภาพคล่องอัตโนมัติ (AMM) เพื่อที่จะไม่จำเป็นต้องมีผู้ซื้อและผู้ขายในการกำหนดราคาสินทรัพย์อีกต่อไป ทำให้ EOS อาจจะเข้ามามีบทบาทในตลาดการเงินแบบกระจายศูนย์ ( DeFi) ที่กำลังเติบโตอยู่ในตอนนี้
Mike Novogratz อดีตผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ และ CEO คนปัจจุบันของ Galaxy Digital กล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์ของ Block.one จะทำให้ Bullish Global เป็นผู้เล่นในตลาดที่น่าจับตามอง”
นอกจาก Novogratz แล้ว Alan Howard ผู้จัดการกองทุนป้องกันความเสี่ยงในสหราชอาณาจักร, Louis Bacon ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Moore Capital Management และ Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal, Palantir ต่างมีส่วนร่วมในการระดมทุนของ Bullish Global ด้วย
บริษัท Block.one ก่อตั้งโดย Brendan Blumer และ Daniel Larimer อดีต CTO ของบริษัท ซึ่งเหรียญ EOS ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเหรียญ “ Ethereum Killer” มีรายได้จากการเสนอขายเหรียญครั้งแรกรวม 4.2 พันล้านดอลลาร์
การระดมทุมอย่างจริงจังของ Block.one อาจเกี่ยวข้องกับรายงานเดือนมิถุนายนของปีที่ผ่านมาจาก Outlier Ventures ที่แสดงให้เห็นว่า EOS สูญเสียกลุ่มนักพัฒนาไป 85% พร้อมกับ Github code ที่มีการอัพเดทลดลงเหลือเพียง 6% ของระดับปี 2019
และรายงานแนวโน้มการพัฒนาในปี 2021 ยังแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของการพัฒนายังเป็นขาลงต่อไป ขณะที่ TRON และ EOS มีนักพัฒนาน้อยลง “Ethereum Killer” รายอื่น ๆ อย่าง Polkadot, Cosmos และ Solana มีจำนวนนักพัฒนาเพิ่มขึ้น
การระดมทุนกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ามูลค่าตลาดของ Monero, Algorand และ Maker จะช่วยให้ Bullish Global ของ Block.one สามารถพัฒนาต่อไปได้ไกลในอนาคต