ธนาคารกลางของเกาหลีใต้เป็นหน่วยงานล่าสุดต้องการตรวจสอบกิจกรรมการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี่ในประเทศ โดยมีรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีใต้มีแผนที่จะดูแลอย่างเข้มงวด เกี่ยวกับกิจกรรมการซื้อขายคริปโตผ่านบัญชีธนาคารจริง
จากรายงานของ The Korea Herald เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเผยว่า BOK กำลังจะใช้อำนาจภายใต้มาตรา 87 ของพระราชบัญญัติธนาคารกลางของประเทศโดยระบุว่า “ เราวางแผนที่จะใช้อำนาจตามกฎหมายของเราในการขอเอกสารจากสถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบปริมาณการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล ที่ทำผ่านบัญชีธนาคาร”
ความคิดเห็นข้างต้นเป็นรายงานที่ BOK ส่งถึงฝ่ายนิติบัญญัติในประเทศ โดยธนาคารกลางกำลังระวังการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตที่ผิดกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อนโยบายการควบคุมการเงินภายในประเทศ
เจ้าหน้าที่ของ BOK ระบุว่า ระบบการตรวจสอบคริปโตของธนาคารกลางจะเริ่มในเดือนกันยายน หากได้รับอนุมัติจากฝ่ายนิติบัญญัติ
คำขอของ BOK เพื่อขออำนาจในการดำเนินกิจกรรมปริมาณการซื้อขายคริปโต เกิดขึ้นจากการที่หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินในประเทศ เรียกร้องให้มีการตรวจสอบธนาคารที่จัดการกับลูกค้าที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ก่อนหน้านี้ทางเว็บไซต์ Cointelegraph รายงานว่า หน่วยงานในเกาหลีใต้มีความกระตือรือร้นที่จะดำเนินการตามนโยบายกับบัญชีซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตให้ใช้บัญชีที่มีชื่อจริงโดยจะบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ โดยรายงานว่ามีเพียงแพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต“ บิ๊กโฟร์” เท่านั้น ได้แก่ Bithumb, Upbit, Korbit และ Coinone เท่านั้นที่ปฏิบัติตามนโยบาย
ทั้งคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินและหน่วยข่าวกรองทางการเงิน ต่างจับตาดูตลาดคริปโตของเกาหลีใต้ ซึ่งทางหน่วยงาน FSC ได้ขอให้พนักงานรายงานการถือครองสกุลเงินดิจิทัลของตนอีกด้วย
ผู้ให้บริการเกี่ยวกับคริปโค รวมถึงแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยน ผู้ดูแลแพลตฟอร์มกระเป๋าเงิน และผู้จัดการสินทรัพย์ จะมีเวลาจนถึงเดือนกันยายนเพื่อเริ่มปฏิบัติตามข้อกำหนดการรายงานทางการเงินใหม่ นอกจากนี้บริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับอาจต้องโทษจำคุกถึงห้าปีเลยทีเดียว
แม้จะมีกฎข้อบังคับด้านคริปโตที่เข้มงวดขึ้น แต่ความต้องการยังคงเพิ่มสูงขึ้นในเกาหลีใต้ โดยมีรายงานว่านักเทรดกำลังนิยม altcoins เป็นอย่างมาก จากปริมาณการซื้อขาย Bitcoin (BTC) ที่ลดลงในแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนหลายแห่ง
นอกจากนี้เกาหลีใต้ได้ออกกฎหมายที่จะจัดเก็บภาษี 20% จากผลกำไรจากการซื้อขายคริปโต สำหรับการซื้อขายที่สูงกว่า 2.5 ล้านวอน (2,230 ดอลลาร์) โดยจะเริ่มในเดือนมกราคมปี 2022
ที่มา: CoinTelegraph