ตามรายงานจากTelegraph ระบุว่า Aziz McMahon ผู้บริหารระดับสูงของ Goldman Sachs ประกาศลาออกหลังจากทำเงินได้หลายล้านดอลลาร์จากการลงทุนใน Dogecoin มีรายงานว่า McMahon ได้นำผลกำไรที่ได้ไปเปิดกองทุนเฮดจ์ฟันด์ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดว่าเขาได้ทำเงินไปเท่าไรจากการลงทุนใน DOGE
ในปีนี้ราคาของ Dogecoin มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 10,000% ซึ่งได้สร้างสถิติ ATH ไว้ที่ 0.74 ดอลลาร์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จากข่าวที่ Elon Musk หรือ “The Dogefather” ได้รับเชิญไปออกรายการ Saturday Night Live ในวันเดียวกัน แต่ทว่าหลังจากจบรายการราคาของ Dogecoin กลับตกลงไปที่ระดับ 0.41 ดอลลาร์
โดย Mike Novogratz อดีตผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ และ CEO คนปัจจุบันของ Galaxy Digital ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับปรากฏการณ์ Dogecoin ว่าเป็นการเคลื่อนไหวของคนยุคใหม่ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อระบบการเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน
“มันมีความบริสุทธิ์บางอย่างใน Dogecoin ที่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติของคนยุคใหม่ ที่ไม่พอใจกับระบบการเงินปัจจุบัน ปรากฏการณ์ Dogecoin คือการชูนิ้วกลางให้กับระบบ”
ปรากฏการณ์ของ Dogecoin ทำให้มีเหรียญที่พยายามลอกเลียนมันออกมาเป็นจำนวนมากอย่างเช่น Dogelon Mars, Dogefi และ DogeMoon แต่เหรียญที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดได้แก่ Shiba Inu ที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ โดย SHIB ได้ทำสถิติ ATH เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ณ ระดับราคา 0.00003791 ดอลลาร์
ราคาที่พุ่งขึ้นของเหรียญ Shiba Inu อาจเกิดจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตอย่าง Binance ได้ลิสต์เหรียญ SHIB ลงในแพลตฟอร์ม ซึ่งทาง CEO ของ Binance อย่าง Changpeng Zhao ได้ออกมาให้ความเห็นว่าผู้คนควรมีอิสระในการเทรด แม้จะมีการเทขายเหรียญ SHIB ในเวลาต่อมาจนผู้คนเริ่มตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของปรากฏการณ์ Dogecoin
และเมื่อไม่นานมานี้ นักพัฒนาของ Yearn Finance ที่ใช้ชื่อว่า “banteg” ได้ออกมาทวิตเกี่ยวกับเหรียญ Woofy จนทำให้ราคาของ YFI พุ่งขึ้นไปที่ระดับ 89,700 ดอลลาร์ จากชื่อเสียงของ Yearn Finance ที่ได้รับการยอมรับในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้เหรียญ Woofy มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก
ปรากฏการณ์ Dogecoin ที่ทำให้มีเหรียญลอกเลียนแบบมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้เราต้องกลับมาตั้งคำถามว่าสถานการณ์ตอนนี้มันมากเกินไปหรือเปล่า?