ดูเหมือนว่านักเทรดในประเทศจีนจะหันไปใช้แพลตฟอร์ม OTC เพื่อซื้อขาย Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ แทน แม้ว่ารัฐบาลท้องถิ่นจะปราบปรามการลงทุนในภาคส่วนนี้ อ้างอิงตามรายงานของBloomberg
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมารองนายกรัฐมนตรี Liu He และสภาแห่งรัฐได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า “จะทำการปราบปรามการขุด Bitcoin และการซื้อขายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” โดยอ้างถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
การแถลงการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้ ราคา Bitcoin ร่วงลงทันทีกว่า 40% แต่ในขณะที่นักเทรดบางส่วนกำลังเทขายเหรียญเพื่อลดความเสี่ยงอยู่นั้น นักเทรดบางรายกลับซื้อสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นผ่านทางแพลตฟอร์ม OTC แทน
Over-the-counter (OTC) นั่นเป็นการตกลงซื้อขายกันภายนอกเว็บเทรด และอย่างที่ทราบกันดีว่าหลังจากที่มีกฎหมายปราบปรามการซื้อขาย Cryptocurrency ในประเทศจีน ทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุนหลาย ๆ คนคงคิดกันไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซึ่งแพลตฟอร์มการซื้อขายแบบ OTC น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับผู้ที่กำลังเจอปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เนื่องจากการซื้อขายแบบ OTC เป็นกระบวนการซื้อขายกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายโดยตรงไม่ผ่านคนกลางเหมือนอย่าง Exchange
โดยรายงานระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนของจีนและเหรียญ stablecoin Tether ที่ลดลงมากถึง 4.4% เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าก่อนการปราบปราม นั้นบ่งชี้ได้ว่าแพลตฟอร์ม OTC กำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัท ต่าง ๆ เช่น Huobi และ OKEx ซึ่งเป็นบริษัทกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตชั้นนำที่ใช้แพลตฟอร์ม OTC ในประเทศจีนได้อนุญาตให้นักเทรดตั้งข้อเสนอซื้อและขายโดยมีคู่สัญญาเป็นผู้แลกเปลี่ยนกันเอง
หลังจากที่ได้ตกลงราคากันเรียบร้อยแล้ว (อาจต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาตลาด) ผู้ซื้อ หรือผู้ขายก็จะใช้แพลตฟอร์มการชำระเงินอื่น ๆ ในการโอนเงินหยวน โดยเหรียญคริปโตจะถูกล็อกไว้อยู่ในบัญชี ‘Escrow’ จนกว่าจะมีการโอนเงินจากฝั่งผู้ซื้อเสร็จสมบูรณ์
สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายเหรียญคริปโตแบบส่วนตัวได้ และปัจจุบันหน่วยงานกำกับดูแลไม่มีทางระบุได้เลยว่า ธุรกรรมใดบนแพลตฟอร์มการชำระเงินที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บเทรดคริปโต
อย่างไรก็ตามนั้นไม่ได้หมายความว่า การแลกเปลี่ยนทั้งหมดจะปลอดภัย โดยเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาหน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้แจ้งให้ธนาคารและบริษัทชำระเงินทราบถึงข้อกำหนดในการระบุและปิดกั้นธุรกรรมที่ ‘น่าสงสัย’ เช่น ธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับการฟอกเงินหรือธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับธุรกรรมคริปโตแล้ว