เมื่อวานนี้รองเลขาธิการ Karine Jean-Pierre ได้กล่าวแถลงการณ์กับสื่อบนเครื่องบิน Air Force One ว่า “การต่อสู้กับแรนซัมแวร์นั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับฝ่ายบริหาร” ยิ่งไปกว่านั้น วิธีหนึ่งที่บริษัทกำลังวางแผนจัดการอยู่ก็คือ การติดตามดูอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่อย่างใกล้ชิด เนื่องจากผู้โจมตีมักเรียกค่าไถ่ส่วนใหญ่เป็น Bitcoin หรือเงินดิจิตอลตัว ๆ อื่น
Ransomware นั้นเป็นซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ ที่จะทำการปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายของตน และเพื่อให้สามารถเข้าใช้งานได้อีกครั้ง พวกเขาจะจ่ายเงินให้กับแฮกเกอร์เท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะชำระเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลเป็นหลัก ในช่วงปีที่ผ่านมามีผู้คนจ่ายให้กับแฮ็กเกอร์ไปแล้วอย่างน้อย 400 ล้านดอลลาร์ และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาโจมตีประเภทนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มกลับมาเป็นนิยมอีกครั้ง
ในเดือนพฤษภาคม กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า DarkSide สามารถกวาดรายได้เป็น BTC มูลค่ากว่า 90 ล้านดอลลาร์ หลังจากปิดระบบท่อส่งก๊าซ Colonial Pipeline ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซไปยังชายฝั่งทะเลตะวันออก
และในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา JBS ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเนื้อสัตว์รายใหญ่ที่สุดของโลก ก็ประสบกับการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่ขู่ว่าจะสั่งปิดโรงงานของพวกเขา ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเนื้อสัตว์และทำให้ราคาเนื้อสัตว์ในตลาดเพิ่มสูงขึ้น
จากข้อมูลของนาง Jean-Pierre ฝ่ายบริหารกำลังติดต่อกับ JBS เช่นเดียวกับรัฐบาลรัสเซีย โดยเชื่อว่าความเสี่ยงจากการโจมตีประเภทนี้จะยังคงดำเนินต่อไป ในขณะนี้ฝ่ายบริหารกำลังเร่งดำเนินการ “ทบทวนกลยุทธ์เพื่อเข้าจัดการกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นของแรนซัมแวร์”
Jean ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการตรวจสอบจะมี 4 ประเด็นที่สำคัญด้วยกัน ได้แก่ “หนึ่ง การกระจายโครงสร้างพื้นฐานของแรนซัมแวร์และตัวดำเนินการที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน สอง การสร้างพันธมิตรระดับนานาชาติเพื่อให้ประเทศที่รับผิดชอบค่าไถ่ สาม การวิเคราะห์สกุลเงินดิจิทัลเพื่อค้นหาและไล่ตามเหล่าอาชญากร และสี่ การทบทวนนโยบายแรนซัมแวร์ของ USG”
แม้ว่า Jean-Pierre จะไม่ได้ให้ข้อมูลที่ลงลึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันหน่วยงานของรัฐบาลกลางกำลังทำงานร่วมกับบริษัทด้านบล็อคเชนเพื่อต่อสู้กับการฟอกเงิน การจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อการก่อการร้าย และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ โดยเมื่อปีที่แล้วบริษัท CipherTrace ได้ทำสัญญากับกระทรวงความมั่นคงสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาวิธีติดตามธุรกรรมของ Monero ซึ่งเป็นเหรียญ Privacy coin ที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ต้องการโอนหรือรับชำระเงินที่ผิดกฎหมาย