<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สหรัฐฯ เผยสามารถกู้คืน Bitcoin นับล้านจากกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ปิดท่อขนส่งน้ำมันได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ประกาศในงานแถลงข่าวว่า พวกเขากำลังทำการกู้เงินคืนบางส่วนที่จ่ายไปให้กับการแฮ็กระบบท่อส่งน้ำมัน Colonial Pipeline 

รองอัยการสูงสุดนาง Lisa Monaco แห่งกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า ขอบเขตของการสอบสวนจะเกี่ยวข้องกับ “การติดตามระบบนิเวศทั้งหมด ไปจนถึง ransomware และการดำเนินการทางอาญาในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล” Monaco ประกาศว่า “เราจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีเพื่อเพิ่มต้นทุนและตรวจสอบผลลัพธ์ที่ตามมาของการโจมตีด้วย ransomware และการโจมตีทางไซเบอร์อื่นๆ”

นาย Paul Abbate รองผู้อำนวยการ FBI เผยว่า หน่วยงานได้ประสบความสำเร็จในการกู้คืนเงิน Bitcoin จากกลุ่มแฮ็กเกอร์ได้กว่า 85% หรือกู้ Bitcoin กลับมาได้ 63.7 เหรียญ BTC จาก 75 เหรียญที่ทาง Colonial Pipeline ส่งไปให้กับแฮ็กเกอร์

Colonial Pipeline ปิดกิจการลงชั่วคราวในวันที่ 7 พฤษภาคม หลังจากถูกแฮ็กเกอร์ของกลุ่ม DarkSide บุกรุกเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ จนทำให้บริษัทต้องหยุดให้บริการเชื้อเพลิงแก่ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาเกือบครึ่งหนึ่ง และในที่สุด Colonial Pipeline ก็จบลงด้วยการจ่ายเงินเรียกค่าไถ่ 4.4 ล้านดอลลาร์ในสกุลเงินดิจิทัลให้กับแฮกเกอร์

เมื่อไม่นานนี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้สั่งให้สำนักงานอัยการสหรัฐฯ ทั่วประเทศประสานงานที่เกี่ยวข้องกับ ransomware การโจมตีทางไซเบอร์ และตลาดที่ผิดกฎหมายด้วยการจัดตั้งหน่วยงานที่มีชื่อว่า ‘Ransomware and Digital Extortion Task Force’ ขึ้นมาใหม่

ตามรายงานของ Monaco คณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะทำการเข้าตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัยทั้งหมดและดำเนินคดีกับ ransomware และกิจกรรมกรรโชกทางดิจิทัล “นี่เป็นการปฏิบัติการครั้งแรกของ Task Force” Monaco กล่าว

จากข้อมูลของ Monaco แรนซัมแวร์ประเภทนี้มีความซับซ้อนและอันตรายมากกว่าที่ผ่าน ๆ มา โดยเธอได้กล่าวเตือนบริษัทในสหรัฐอเมริกาที่งานแถลงข่าวว่า “ภัยคุกคามจากการโจมตีด้วย ransomware นั้นจะก่อให้เกิดอันตรายต่อองค์กรของคุณ ต่อบริษัทของคุณ ลูกค้าของคุณ ต่อผู้ถือหุ้น และต่อความสำเร็จในระยะยาวของคุณอย่างชัดเจน ดังนั้นคุณควรให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น มิเช่นนั้นคุณอาจตกเป็นเหยื่อในภายหลัง”

นโยบายแรนซัมแวร์และสกุลเงินดิจิทัล

นาง Karine Jean-Pierre รองเลขาธิการฝ่ายสื่อมวลชนของทำเนียบขาวอธิบายว่า Biden ได้จัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจอันเป็นผลมาจากการเรียกค่าไถ่บริษัท JBS Foods ในครั้งล่าสุด ซึ่งรวมถึงนโยบายคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) อันเป็นหนึ่งในข้อควรพิจารณา เช่น Bitcoin

“การต่อสู้กับแรนซัมแวร์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับฝ่ายบริหาร ประธานาธิบดี Joe Biden ได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนเพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นของแรนซัมแวร์ ซึ่งรวมถึงความพยายาม 4 ประการดังต่อไปนี้ : 1. การกระจายโครงสร้างพื้นฐานของแรนซัมแวร์และทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน 2. การสร้างแนวร่วมระหว่างประเทศเพื่อมองหาประเทศผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการเรียกค่าไถ่ 3. ขยายการวิเคราะห์สกุลเงินดิจิทัลเพื่อค้นหาและดำเนินการธุรกรรมทางอาญา และ 4. พิจารณาและทบทวนนโยบายแรนซัมแวร์ของ USG” นาย Jean-Pierre กล่าว

ฝ่ายบริหารของ Biden ได้ออกคำสั่งพิเศษโดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรสเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศและวิธีที่หน่วยงานของสหรัฐฯ ควรตอบสนองต่อการโจมตีของแรนซัมแวร์ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนาย Chris Wray ผู้อำนวยการ FBI ได้เปรียบเทียบการโจมตีแรนซัมแวร์ในกรณีของ Colonial Pipeline และ JBS Foods ว่ามีความรุนแรงในระดับเดียวกันกับเหตุการณ์ 911