ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดี Joe Biden ในตำแหน่งกรมธนารักษ์ภายใต้เลขาธิการด้านการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงินระบุว่า กฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับ cryptocurrency จะอยู่ในการจัดลำดับความสำคัญของเขา หากเขาได้เข้ารับตำแหน่ง
นาย Brian Nelson ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำหน่วยที่รับผิดชอบในด้านการพัฒนาและดำเนินการตามยุทธศาสตร์การฟอกเงินแห่งชาติ รวมทั้งนโยบายและโครงการอื่น ๆ เพื่อต่อสู้กับเหล่าอาชญากรรมทางการเงินกล่าวว่า เขาจะนำกฎหมายบางส่วนไปใช้ในพระราชบัญญัติการต่อต้านการฟอกเงินในปี 2020
กฎหมายดังกล่าวเพิ่งได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 1 มกราคม และมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในพระราชบัญญัติความลับของธนาคารของปี 2513 โดยจะขยายหน้าที่และอำนาจของเครือข่ายการบังคับใช้อาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังหรือที่เรียกว่า FinCEN
“ผมคิดว่าส่วนอื่น ๆ ที่ทรงพลังจริง ๆ ของกฎหมายนั้นก็คือ มันสะท้อนให้เห็นถึงความสมดุลของการควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้สกุลเงินเสมือนและเทคโนโลยีใหม่ประเภทอื่น ๆ บ่อนทำลายระบบต่อต้านการฟอกเงินของเรา ในขณะเดียวกันก็เคารพในความจริงที่ว่าเราจำเป็นต้องสนับสนุนผู้รับผิดชอบ นวัตกรรมและรักษาไว้ที่นี่ในสหรัฐอเมริกา” Nelson กล่าว
ความคิดเห็นของเขาเกิดขึ้น ท่ามกลางช่วงระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการวุฒิสภาด้านการธนาคาร การเคหะ และกิจการเมืองเมื่อวันอังคาร ซึ่งเขาได้ตอบคำถามของ Sen. Catherine Cortez Masto จากพรรคประชาธิปัตย์รัฐเนวาดาที่ตั้งข้อสังเกตว่า “การฟอกเงิน การหลีกเลี่ยงภาษี การจัดหาเงินทุนของผู้ก่อการร้าย และการฉ้อโกงมักเกิดขึ้นจากสกุลเงินที่สร้างขึ้นเองและมีการจัดการโดยส่วนตัว”
นาง Elizabeth Rosenberg ผู้ได้รับการเสนอชื่อในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการฝ่ายการเงินการก่อการร้ายของกระทรวงการคลังของ Biden กล่าวเสริมในระหว่างการพิจารณาว่าเธอจะทำให้แน่ใจว่าระบอบการปกครองที่ใช้กับสกุลเงินดิจิทัลนั้นเหมาะสมและสอดคล้องกันในทุกด้านของกฎระเบียบข้อบังคับ การช่วยเหลือผู้กำกับดูแลด้านการเงินในประเทศอื่น ๆ รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและการควบคุมจะมีความสำคัญไม่แพ้กัน เธอกล่าวเสริม
“หากปราศจากความร่วมมือแบบนั้น และไม่มีประเทศอื่นใดที่มีกรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสม อาชญากรจะหลีกเลี่ยงขอบเขตอำนาจศาลของสหรัฐฯ และดำเนินกิจกรรมที่ผิดกฎหมายได้ง่ายเกินไป” Rosenberg กล่าว
หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ได้กำหนดบทลงโทษมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ต่อผู้คนและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ crypto ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ Elliptic ผู้ให้บริการวิเคราะห์ บล็อกเชน ค่าปรับจำนวนมากล้วนเกี่ยวข้องกับการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนและการฉ้อโกง ในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดบทลงโทษมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าและ FinCEN รวบรวมเงิน 624 ล้านดอลลาร์และ 183 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ