ในที่สุดปรากฎการณ์ short squeeze ก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ราคา bitcoin พุ่งสูงขึ้นและแตะระดับ 40,000 ดอลลาร์ในหลายแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยน และในสัญญา Binance Perpetual Swap ราคา BTC/ USDT ได้แตะระดับสูงถึง 48,000 อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร?
สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ ตราสารอนุพันธ์ทำงานอย่างไร และอนุพันธ์บางประเภทจะส่งผลต่อตลาดอย่างไร
การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างที่เกิดขึ้นในอนุพันธ์ Bitcoin นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาคือ การเพิ่มขึ้นของอนุพันธ์ stablecoin margined โดยในตลาดจะมีสัญญาอนุพันธ์สองประเภท ได้แก่ อนุพันธ์ที่ใช้ stablecoins เป็นมาร์จิ้น และอีกประเภทคือใช้ คริปโต โดยเฉพาะ Bitcoin เป็นหลักประกัน
สำหรับนักเทรดหลายคนมองว่า เป็นเรื่องดีที่จะใช้ stablecoins กับสถานะซื้อ (long position) ใน bitcoin แทนที่จะใช้ bitcoin เป็นหลักประกันเอง เพราะหากราคา bitcoin ลดลง ในขณะที่ใช้เลเวอเรจ long สถานะซื้อขายของคุณไม่เพียงแต่จะได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่มูลค่าของหลักประกันที่คุณใช้อยู่นั้นจะลดลงตามไปด้วย นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดแรงเทขาย (sell-off) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างระหว่างการซื้อสะสมในตลาดสปอตที่เกิดขึ้น กับความเชื่อมั่นขาลงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในตลาดอนุพันธ์ เนื่องจากเงินทุนติดลบอย่างต่อเนื่องในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
“เทรดเดอร์อนุพันธ์และเทรดเดอร์ฟิวเจอร์สมีมุมมองที่เป็นขาลง นักสะสม Bitcoin และเหล่า hodler Bitcoin ยังมีแนวโน้มที่ดี การแบ่งขั้วในตลาดจึงเริ่มปรากฏขึ้น”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเดิมพันแบบขาลงที่เกิดขึ้นบน Binance โดยใช้ stablecoin เป็นหลักประกันได้เกิดขึ้น ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
จนถึงเดือนพฤษภาคม เทรดเดอร์ได้ใช้ bitcoin เป็นหลักประกัน กับสถานะซื้อ (long) bitcoin มากขึ้น เห็นได้จากชาร์ตด้านล่า งซึ่งแสดงสัดส่วนของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (futures) ที่ใช้มาร์จิ้นของ crypto/stablecoin
ปรากฏการณ์ “short squeeze”เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม เทรดเดอร์ได้ทำการขาย (short) bitcoin มากขึ้น โดยใช้ stablecoins เป็นหลักประกัน เช่น การ short bitcoin ผ่านฟิวเจอร์สโดยไม่ต้องมี bitcoin
อย่างไรก็ตาม การซื้อสะสมมีอำนาจเหนือกว่า ซึ่งในที่สุดก็ทำให้เกิด short squeeze ส่งผลให้มีเหล่านักเทรดที่ต้องล้างพอร์ตจำนวนมาก
ที่มา: bitcoinmagazine