ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ เห็นพ้องต้องกันว่าการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ของประเทศสหรัฐฯ กำลังล้าหลังประเทศอื่น ๆ ในภาคส่วนนี้ และพวกเขาต้องการทราบว่าการไล่ตามให้ทันจะมีผลต่อเงินดอลลาร์อย่างไร?
จากการไต่สวนของคณะอนุกรรมการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับการพัฒนาระหว่างประเทศและนโยบายการเงินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สมาชิกสภานิติบัญญัติได้ตั้งคำถามถึงผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลเกี่ยวกับสถานะของสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศจีน
ทางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร Jim Himes และ Andy Barr ต่างแสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับการไม่ทำอะไรเลย ซึ่งทาง Himes คิดว่าสหรัฐฯ จะสูญเสียความเป็นผู้นำและการพัฒนาในพื้นที่ของ CBDC ส่วนทางด้าน Barr ตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาว่าสหรัฐฯ จะยอมเสียเปรียบจีนในการแข่งขันเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางหรือไม่?
ขณะที่ผู้ร่วมอภิปรายอย่าง Dr. Julia Coronado ผู้ก่อตั้ง MacroPolicy Perspectives ได้ตั้งตัวชี้วัดว่าอะไรจะเป็นสิ่งที่บอกถึงความล้าหลังของสหรัฐฯ
“สิ่งที่ฉันมองว่าเป็นสัญญาณถึงความล้าหลังของสหรัฐฯ ในภาคส่วนนี้ คือสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางได้รับการยอมรับและถูกนำไปใช้งานข้ามพรมแดนอย่างกว้างขวาง”
ซึ่งในปัจจุบันเงินหยวนดิจิทัลเองก็ยังไม่ได้มีการนำไปใช้งานข้ามพรมแดนมากเท่าไรนัก มีเพียงตัวอย่างการทำธุรกรรมระหว่างธนาคารในประเทศจีนกับประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ Robert Baldwin หัวหน้าฝ่ายนโยบายของสมาคมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเอง ไม่ได้มีความกังวลอะไรเกี่ยวกับเงินหยวนดิจิทัล เนื่องจากประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวและการขาดการควบคุมเงินทุนของจีน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ดอลลาร์ของสหรัฐฯ อาจมีความน่าสนใจมากกว่า
ในขณะที่บางคนจดจ่ออยู่กับความก้าวหน้าของนวัตกรรม CBDC ผู้ร่างกฎหมายที่เคยมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลบล็อกเชนคนอื่น ๆ กลับตั้งคำถามถึงนวัตกรรมนั้นว่าจะออกมาเป็นอย่างไร?
อีกทั้งบางคนได้คาดการณ์ว่าเงินหยวนดิจิทัลของจีนอาจจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสะกดรอยพลเมืองในประเทศ สภาคองเกรสเองก็ได้กล่าวถึงโครงสร้างของดอลลาร์ดิจิทัลว่าจะต้องไม่เป็นแบบเดียวกันนั้น ซึ่งทางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร Tom Emmer ก็ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวมากกว่า
“ความพยายามในการสร้าง CBDC ให้ Fed สามารถจัดการบัญชีธนาคารและทำให้มันเป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวังที่สามารถเก็บข้อมูลของชาวอเมริกันทุกคน จะไม่ได้เป็นการพัฒนาอะไรเลยนอกจากทำให้สหรัฐฯ เป็นเผด็จการดิจิทัลเหมือนกับประเทศจีน”