กระทรวงการคลังของอิสราเอลระบุว่ากฎหมาย “สงครามต่อต้านทุนมืด” ที่จะจัดทำขึ้นใหม่นี้อาจช่วยให้รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น 9.2 ล้านดอลลาร์
รัฐบาลของอิสราเอลกำลังพยายามควบคุมการเลี่ยงภาษีและปิดช่องโหว่ในการฟอกเงินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “สงครามต่อต้านทุนมืด” ในบรรดามาตรการที่ระบุไว้ในางกฎหมายฉบับใหม่ที่เผยแพร่โดยกระทรวงการคลังในสัปดาห์นี้ มีการเสนอข้อกำหนดทางกฎหมายที่ทำให้ผู้ถือคริปโตเคอร์เรนซีต้องอยู่ภายใต้การควบคุมที่เพิ่มขึ้น
โดยกฎหมายดังกล่าวเสนอให้ผู้ถือคริปโตเคอร์เรนซีที่ซื้อคริปโตมูลค่ามากกว่า 61,000 ดอลลาร์ รวมทั้งผู้ที่ถือครองคริปโตในมูลค่าดังกล่าวหรือมากกว่า ต้องยื่นรายงานต่อหน่วยงานด้านภาษีของอิสราเอล
“สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นเรื่องธรรมดาในหมู่ประชาชน และมีการซื้อขายกันเป็นสินทรัพย์ผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน เหรียญดิจิทัลสามารถแบ่งออกเป็นหน่วยเล็ก ๆ ที่โอนได้ง่ายและไม่มีการเฝ้าระวังหรือตรวจสอบ ทำให้ในสถานการณ์เช่นนี้ สกุลเงินดิจิทัลเป็นวิธีการปกปิดรายได้ สะสมสินทรัพย์ รวมถึงการฟอกเงินที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ” ร่างกฎหมายระบุ
หากได้รับการยอมรับ มาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ของรัฐบาลประมาณ 9.2 ล้านดอลลาร์ จากการเก็บภาษีในปี 2022
ตามรายงานจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจของอิสราเอล TheMarker ประธานสมาคมบิทคอยน์ของอิสราเอล Meni Rosenfeld ได้เขียนจดหมายถึง Eran Yaakov หัวหน้าหน่วยงานด้านภาษีของอิสราเอลเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดย Rosenfeld แสดงความคิดเห็นว่าการรายงานตามมาตรการดังกล่าว จะเป็นการสร้างฐานข้อมูลของผู้ถือบิทคอยน์ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ
Rosenfeld ยังกล่าวถึงความผันผวนของราคาคริปโตเคอร์เรนซีที่เกณฑ์การวัดด้วยมูลค่า 61,000 ดอลลาร์อาจสร้างความสับสนให้กับนักลงทุนได้
นอกจากนี้ Rosenfeld ยังแสดงความคิดเห็นว่าการตัดสินใจในการแก้ไข้กฎหมายดังกล่าวโดยปราศจากการหารือหรือทำความเข้าใจความหมายของมัน เป็นการลดทอนสิทธิในการรับฟังของนักลงทุน และนั่นอาจกระทบต่อประสิทธิภาพของมาตรการดังกล่าว
“กฎหมายดังกล่าวเป็นความพยายามที่อุกอาจของรัฐบาลที่จะนำไปสู่การเป็น ‘Big Brother’ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐไม่ไว้วางใจให้ผู้เสียภาษีรายงานและเสียภาษีอย่างถูกต้อง” Itai Bracha ทนายความด้านภาษีบอกกับ Globes
นอกจากนี้ Bracha ยังตั้งข้อสังเกตว่าข้อบังคับในการรายงานตัวต่อหน่วยงานด้านภาษี ไม่ได้ถูกนำไปใช้กับนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ถูกจำแนกอยู่ในประเภทเดียวกัน