ในวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา Nayib Bukele ประธานาธิบดีแห่งประเทศเอลซัลวาดอร์ ได้ประกาศผ่านบัญชี Twitter ส่วนตัวว่าจะนำเงินส่วนหนึ่งของผลกำไรที่ได้จากการลงทุนใน Bitcoin Trust มาสร้างโรงเรียนใหม่กว่า 20 แห่งทั่วประเทศ
ประเทศเอลซัลวาดอร์ ถือเป็นประเทศแรกของโลกที่ออกกฎหมายให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เพื่อเป็นทางออกให้กับปัญหาทางการเงินต่าง ๆ ในประเทศ อย่างค่าธรรมเนียมโอนเงินข้ามแดนที่มีราคาแพง หรือการที่มีประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการทางการเงินได้เป็นต้น
กองทุนทรัสต์ Bitcoin ที่เอลซัลวาดอร์สร้างขึ้นล่าสุดได้มีมูลค่าพุ่งสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการดีดตัวของราคา Bitcoin ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
โดยทรัสต์ดังกล่าวจะประกอบไปด้วย Bitcoin และดอลลาร์สหรัฐผสมกันอยู่ ประธานาธิบดี Bukele กล่าวว่า ในขณะนี้ทรัสต์ดังกล่าวได้มีกำไรส่วนเกินเพิ่มขึ้นมาถึง 12 ล้านดอลลาร์หรือราว 396 ล้านบาท ซึ่ง ‘Chivo’ ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินคริปโทและผู้จัดการจัดการทรัสต์ดังกล่าวจึงสามารถนำมูลค่าเงินนั้นออกมาใช้ได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าเดิมของทรัสต์
สื่อข่าวท้องถิ่นรายงานว่า โรงเรียนใหม่ 20 แห่งจะสนับสนุนการให้ความรู้เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลสำหรับชาวบ้าน และเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนกว่า 400 แห่งที่วางแผนไว้ในเดือนตุลาคม 2020 ในโครงการ “โรงเรียนใหม่ของฉัน”
นอกเหนือจากการสร้างโรงเรียนแห่งใหม่แล้ว ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางเดือนตุลาคม ประธานาธิบดี Bukele ยังประกาศด้วยว่า รัฐบาลจะนำเงิน 4 ล้านดอลลาร์ที่ได้จากกองทุน Bitcoin Trust มาสร้างโรงพยาบาลสัตวแพทย์ในเมืองหลวงซานซัลวาดอร์
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. มีรายงานว่า เอลซัลวาดอร์ได้ซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 420 BTC ทำให้ปัจจุบันประเทศถือครอง Bitcoin สะสมรวมอยู่ที่ 1,120 BTC หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 70.5 ล้านดอลลาร์ ในราคา ณ ปัจจุบัน
El Salvador BTC ซึ่งเป็นบัญชี Twitter ที่ติดตามการซื้อ Bitcoin ของเอลซัลวาดอร์ เผยรายงานว่า ปัจจุบันประเทศมีกำไรเพิ่มขึ้น 12 ล้านดอลลาร์ โดยอิงจากราคาซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 53,062 ดอลลาร์ ต่อ 1 BTC
นอกจากนี้บัญชี El Salvador BTC ยังได้ติดตามเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 30 ดอลลาร์ที่รัฐบาลเอลซัลวาดอร์แจกให้กับประชาชนเพื่อสนับสนุนการยอมรับ Bitcoin เมื่อวันที่ 9 กรกฏาคมอีกด้วย ซึ่งในขณะนี้เงินดังกล่าวมูลค่าอยู่ที่ $38