ตามข้อมูลจาก “L2Beat” ซึ่งเป็นเว็บไซต์ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับโซลูชั่น Ethereum Layer 2 พบว่า ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามูลค่ารวมที่ถูกล็อคในโซลูชัน Ethereum Layer 2 นั้นเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 20% แตะจุดสูงสุดที่ระดับ 4.39 พันล้านดอลลาร์
ในขณะที่โปรเจกต์ต่างๆ เช่น Arbitrum, Loopring และ Optimism มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 20, 84 และ 98% ตามลำดับ โดยทั้ง Arbitrum และ Optimism ได้ใช้เทคโนโลยี Optimistic Rollup ซึ่งเป็นโซลูชันที่ถูกออกแบบการปรับขนาดเครือข่ายของ Ethereum
Optimistic rollups
โซลูชัประเภทนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียกสัญญา Smart contract บนเลเยอร์ Ethereum Mainnet มาทำงานได้ และในขณะที่เรียกใช้งานยังจะได้รับการรักษาความปลอดภัยจากเครือข่าย Mainnet ตามเดิมอีกด้วย
ซึ่งหากผู้ใช้เต็มใจที่จะใช้โซลูชัน Layer 2 เงินของพวกเขาเขาจะถูกเก็บไว้ในสัญญา Smart contract บน Ethereum ในระหว่างนั้นการทำธุรกรรมของผู้ใช้จะถูกบันทึกในรูปแบบ off-chain ก่อนที่จะถูกไปให้กับผู้รวบรวม (aggregator) ในภายหลังเพื่อสร้างสัญญา Smart contract ขึ้นมาใหม่บน Ethereum Mainnet
โซลูชันอื่นๆ เช่น Loopring ใช้เทคโนโลยีที่ต่างออกไป ซึ่งเรียกว่า ZK Rollups ซึ่งจะทำงานในเทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่า Optimism ด้วยการคำนวณทางคณิตศาสตร์เพื่ออนุญาตให้ทำมีการธุรกรรมด้วย zero-knowledge proof
เป็นที่สังเกตว่าการเติบโตเพิ่มขึ้นของโซลูชั่น Ethereum Layer 2 มีขึ้น หลังจากที่ราคาของ Eth ได้พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์
โดยในขณะที่เขียนรายงานอยู่นี้ราคาของ Ethereum มีการซื้อขายกันอยู่ที่ 4,514 ลดลงเล็กน้อยจากช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อ้างอิงข้อมูลจาก Coinmarketcap
สาเหตุเบื้องหลังที่ทำให้โซลูชัน Layer 2 มีการเติบโตแอย่างรวดเร็วนั้นก็คือ ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มสูงขึ้นบนเครือข่าย
ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ค่าธรรมเนียมบน Ethereum Mainnet ได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 100 Gwei นานตลอดทั้งสัปดาห์ ทำให้การทำธุรกรรม 1 รายการบนเครือข่าย Ethereum มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ประมาณ 15 ดอลลาร์
ที่มา : u.today