ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษกล่าวว่า Bitcoin เป็น “สิ่งไร้ค่า” และใครก็ตามที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเตรียมตัวที่จะสูญเสียเงินที่ลงทุนไปได้เลย
เมื่อวันอังคารที่ 14 ธันวาคม พนักงานของธนาคารเขียนในบล็อกโพสต์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ในหัวข้อ “Bitcoin มีค่าเท่าไหร่?” โดยกล่าวว่า Bitcoin ไม่ตรงกับข้อกำหนดหลายอย่างที่จำเป็นสำหรับการเป็นสินทรัพย์ที่มีพร้อมกับความผันผวน
ทั้งนี้ Thomas Belsham ได้เขียนโพสต์ดังกล่าวไว้ว่า “Bitcoin มีเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้นและนี่แหละคือสิ่งที่มีค่า โดยความหายากของมันบางคนอาจจะเรียกว่าทองคำดิจิทัล แต่ก็เป็นส่วนที่ทำให้ Bitcoin จะไร้ค่าในที่สุดด้วย”
นักลงทุนเตรียมสูญเสียมูลค่า
โดยทั่วไปแล้วจำนวนเหรียญ Bitcoin จะถูกเพิ่มเข้าไปเมื่อตรวจเจอกับนักขุด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 19 ล้าน BTC โดยจำนวน BTC ที่เหลือจะยังไม่ถูกค้นพบจนกว่าจะถึงปี 2140 ทั้งนี้ Belsham อ้างว่าจำนวนเหรียญจะหายากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป พร้อมกับเสริมว่า
“กระบวนการของการขุดพบจะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้ BTC มาครบทั้งหมด หากเป็นเช่นนั้นนักลงทุนก็พร้อมที่จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในท้ายที่สุด”
ความเสี่ยงต่อ Bitcoin
แม้ว่ามูลค่าของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นมากถึง 67,000 ดอลลาร์ในปีนี้ แต่ธนาคารกลางได้ตั้งคำถามว่าสกุลเงินดิจิทัล Bitcoin มีมูลค่าที่แท้จริงหรือไม่ โดยเตือนนักลงทุนเกี่ยวข้องเพื่อให้ระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
อันที่จริง Sir Jon Cunliffe รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ได้เตือนว่าการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ cryptocurrency อาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อระบบการเงินของประเทศในการให้สัมภาษณ์กับ BBC เมื่อต้นสัปดาห์นี้
Cunliffe เน้นย้ำว่าความเสี่ยงส่วนใหญ่มาจากความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัล และหากมูลค่าของสินทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็ว สถาบันจะรับผิดชอบในการบรรเทาผลกระทบ ดังนั้น Cunliffe จึงแนะนำกฎเกณฑ์มาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยง
“ราคาของพวกมันมีความผันผวนพอสมควร และอาจลดลงในทางทฤษฎีหรือในทางปฏิบัติจนเหลือศูนย์ ฉันคิดว่าประเด็นหนึ่งที่น่ากังวลคือเมื่อมันถูกรวมเข้ากับระบบการเงิน ซึ่งการปรับฐานครั้งใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นในตอนนี้ต้องใช้เวลาในการออกแบบมาตรฐานและข้อบังคับเสียก่อน”
อัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 10 ปี
ในเดือนพฤศจิกายน อัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นกว่า 5.1% ตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้ธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นอีก 5% ในปี 2022 ก่อนที่จะลดลงในสิ้นปี 2023
ในคืนนี้คณะกรรมการนโยบายการเงินจะประชุมกันเพื่อหารือว่าจะกระชับนโยบายการเงินหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าแม้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นแต่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง พร้อมทั้งการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของโอไมครอน Covid-19 ทำให้นักลงทุนหลายคนเกิดข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้น
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ระดับเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ทั้งในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ทำให้ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันได้กระตุ้นให้นักลงทุนพิจารณา Bitcoin และสินทรัพย์อื่น ๆ ว่าเป็นวิธีการป้องกันตนเองจากภาวะเงินเฟ้อ