<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้ใช้รายหนึ่งถูก Tether สั่งอายัดเหรียญ USDT มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Tether บริษัทผู้ออกเหรียญ Stablecoin เบอร์หนึ่งของโลกได้ทำอายัดเหรียญ USDT ที่มีมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ของผู้ใช้งานรายหนึ่งเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อ้างอิงตามข้อมูลบนเครือข่าย

Tether ได้เรียกใช้งานฟังก์ชัน “AddedBlacklist” ในวันที่ 30 ธันวาคม เพื่อทำการอายัดเหรียญ USDT ที่อยู่ในกระเป๋าเงินของผู้ใช้รายหนึ่งภายในธุรกรรมนี้

โดยฟังก์ชัน “AddedBlacklist” ของ Tether นั้นจะส่งผลทำให้เหรียญ USDT ที่อยู่ในกระเป๋าเงินของผู้ใช้รายนั้น ๆ ไม่สามารถโอนย้ายไปยังกระเป๋าเงินอื่น ๆ ได้ 

ปัจจุบันไม่ชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของกระเป๋าเงินใบนี้ และนอกเหนือจากเหรียญ USDT แล้ว กระเป๋าเงินใบนี้ยังมีโทเค็นอื่น ๆ อีกมากมายที่มีมูลค่าเป็นตัวเลขกว่า 5 หลัก และเมื่อได้มีการติดต่อไปยัง Tether บริษัทปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับกระเป๋าเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของเจ้าของ อย่างไรก็ตาม Tether กล่าวว่า พวกเขาได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก รวมถึงในทุกกรณีที่เกี่ยวข้องกับการแฮ็กและการหลอกลวง

“ด้วยการสั่งอายัดการใช้งานของโทเค็น Tether จะช่วยกู้คืนเงินที่ถูกขโมยโดยแฮกเกอร์หรือถูกบุกรุก” โฆษกของ Tether กล่าว

เป็นที่สังเกตว่านอกเหนือจากฟังก์ชั่น “AddedBlacklist” แล้ว Tether ยังมีอีกกลไกหนึ่งที่เรียกว่า “Recovery” ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถตรึง USDT และออกเหรียญใหม่ได้ในบางกรณี ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ส่ง USDT ไปยัง Address ที่ไม่ถูกต้อง Tether จะสามารถช่วยกู้เงินคืนให้กับพวกเขาได้โดยทำการตรึงเหรียญ USDT ที่ถูกส่งไปยัง Address ที่ไม่ถูกต้องและออกเหรียญ USDT ใหม่ให้กับผู้ใช้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของการสั่งอายัดเหรียญ USDT ที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้น เงินจะยังคงอยู่ใน Address เช่นเดิม และปกติแล้วมันมักหมายความว่า Address ที่ถูกระงับนั้นกำลังอยู่ภายใต้ข้อพิพาทหรือกำลังถูกสอบสวนโดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โฆษกของ Tether กล่าว

ที่มา theblockcrypto