เนื่องจากตลาด crypto เติบโตอย่างรวดเร็วทำให้หลายประเทศทั่วโลกออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็วเนื่องจากกฎหมายภายในประเทศไม่รองรับ Bitcoin (BTC) หรือ cryptocurrency ทั้งนี้ทำให้มีหลายประเทศที่มีการแบนและสนับสนุนแตกต่างกันออกไป ซึ่งมีจำนวนประเทศที่ออกกฎหมายรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงสามปีที่ผ่านมาโดยอิงข้อมูลจาก Library of Congress of the United States
ทั้งนี้การศึกษาดังกล่าวได้แยกรายชื่อประเทศต่าง ๆ ออกตามมาตรการกำกับดูแลที่อนุญาติให้ใช้งานและห้ามใช้งาน โดยในเดือนพฤศจิกายน 2021 รัฐบาลเก้าแห่งได้คัดค้านหรือห้ามกิจกรรมเชิงพาณิชน์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการใช้สกุลเงินดิจิทัล ได้แก่ จีน แอลจีเรีย โมร็อกโก ตูนิเซีย อียิปต์ อิรัก เนปาล กาตาร์ และโอมาน ซึ่งปัจจุบันได้มีการห้ามดำเนินการเกี่ยวกับ Bitcoin อย่างสมบูรณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การศึกษาในปี 2018 เผยให้เห็นเขตอำนาจศาลแปดแห่งที่มีข้อห้ามโดยสิ้นเชิงและอีก 15 แห่งที่มีข้อห้ามโดยปริยาย การอัปเดตในเดือนพฤศจิกายน 2021 มีเขตอำนาจศาล 9 แห่งที่มีข้อห้ามโดยสิ้นเชิง และ 42 แห่งที่มีการห้ามโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่าเขตอำนาจหลังมีข้อห้ามทั้งหมดในปี 2018 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
กฎระเบียบ Bitcoin คืออะไร?
กฎระเบียบ Bitcoin คือกฎเกณฑ์ที่ห้ามบริษัทและสถาบันการเงินใช้ cryptocurrency แต่ห้ามมิให้ผู้คนครอบครอง พร้อมทั้งเน้นย้ำว่ากำลังมีแผนต่าง ๆ ก็ถูกนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการยอมรับ Bitcoin และ cryptocurrency อื่น ๆ เช่นเดียวกับเอลซัลวาดอร์ และประเทศอื่น ๆ เช่น อเมริกากลางได้มีอนุมัติว่า Bitcoin เป็นเงินที่ถูกกฎหมายสำหรับการทำธุรกรรมทั้งหมดในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ มาตรการด้านกฎระเบียบในประเทศละตินอเมริกา เช่น ปารากวัย ซึ่งกำลังกำหนดกฎหมายเพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินดิจิทัล เช่นเดียวกับคอสตาริกา ซึ่งเป็นประเทศที่นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่ามีสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ดีที่สุดสำหรับการนำ Bitcoin ไปใช้
ทั้งนี้เปรูได้เห็นการยอมรับของ Bitcoin ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยการใช้คริปโทเคอร์เรนซี่ในประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 600% ในหนึ่งปี พร้อมมีร่างกฎหมายที่มุ่งเป้าสำหรับการสร้างพื้นฐานทางกฎหมายในตลาดสกุลเงินดิจิทัล
ต่อต้านการฟอกเงินและภาษี
นอกจากนี้ รายงานยังเสนอรายชื่อประเทศที่แม้ว่าจะไม่ได้ห้ามการใช้งาน cryptocurrency แต่ได้ประกาศใช้กฎเกณฑ์ในการวัดภาษีและการต่อต้านการฟอกเงิน (AML)
จากการวิจัยพบว่าขณะนี้ประเทศมากกว่า 103 ประเทศมีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน ซึ่งนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมักจะวิพากษ์วิจารณ์สิ่งเหล่านี้เพราะพวกเขาอาจเป็นอันตรายต่อการเปิดเผยตัวตน ทั้งนี้มีเพียง 33 รัฐเท่านั้นที่นำกฎหมายนี้ไปใช้ ซึ่งหมายความว่าเพิ่มขึ้น 300% ในเวลาเพียงสามปี
อย่างไรก็ตามมาตรฐาน AML ไม่ได้จำกัดความหมายของการใช้งานคริปโทเคอร์เรนซี่ แต่การจัดเรียงของนโยบายนี้มักจะถูกนำไปใช้ในกระดานเทรดหรือแพลตฟอร์มการซื้อขายมากกว่าในกระเป๋าเงิน