เมื่อวันพฤหัสบดีกองทหารรัสเซียได้เหยียบย่ำดินแดนยูเครนอย่างเป็นทางการในความต้องการที่จะผนวกดินแดนทั้งสองเข้าด้วยกันซึ่งถือเป็นความกล้าหาญที่สุดครั้งประวัติศาสตร์โดยคาดว่าก่อนจะถึงจุดยุตินั้นอาจใช้ระยะเวลายาวนานหลายเดือน ซึ่งอาจจุดชนวนการคว่ำบาตรจำนวนมากจาก NATO และพันธมิตรในรัสเซีย
มาตรการคว่ำบาตรชุดแรกมาจากสหรัฐฯ ในวันจันทร์หลังจากที่ POTUS ออกคำสั่งผู้บริหาร “ปิดกั้นทรัพย์สินของบุคคลบางคนรวมถึงห้ามการทำธุรกรรมบางอย่าง” หลังจากที่รัสเซียท้าทายการเรียกร้องให้ยุติความพยายามที่บ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยและความสมบูรณ์ของดินแดนของยูเครน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Putin พยายามยอมรับสาธารณรัฐโดเนตสค์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ (DNR และ LNR) ว่าเป็นรัฐ “อิสระ” และเตรียมส่งกองกำลังไปยังพื้นที่เหล่านี้ โดยเมื่อเช้านี้ผู้นำสหภาพยุโรปให้คำมั่นว่าจะ “เห็นด้วยกับมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
ตามรายงานของ New York Times “บริษัทในรัสเซียมีเครื่องขุด crypto จำนวนมากเพื่อหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร”
เมื่อสหรัฐอเมริกาห้ามชาวอเมริกันทำธุรกิจกับธนาคารรัสเซีย ผู้พัฒนาน้ำมันและก๊าซ และบริษัทอื่นๆ ในปี 2014 ที่เกิดหลังจากการรุกรานไครเมียส่งผลให้เศรษฐกิจของรัสเซียได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วและมหาศาล นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าการคว่ำบาตรที่บังคับใช้โดยชาติตะวันตกทำให้รัสเซียต้องเสียค่าปรับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี
ตั้งแต่นั้นมาสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ก็พุ่งสูงขึ้น ซึ่งนั่นเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร แต่เป็นข่าวดีสำหรับรัสเซีย
รัสเซียมีน้ำเสียงที่เป็นมิตรเมื่อพูดถึง cryptocurrency ไม่เหมือนกับประเทศอื่น ๆ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดี Putin ในการเร่งสร้างกรอบกฎหมายและการเงินสำหรับ Bitcoinถูกตีความว่าเป็นการเตรียมการคว่ำบาตรจากตะวันตกหลังจากการกระทำตามแผนของเขาในยูเครน
Stacy Herbert ผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพของ Orange Pill Bitcoin podcast เชื่อว่า Bitcoin อาจเป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญที่สุดในการขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับ NATO/US
รัสเซียยังเป็นประเทศขุด Bitcoin ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพลเมืองของประเทศถือ cryptocurrency มูลค่ากว่า 2.14 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งประมาณ 12% ของมูลค่าสินทรัพย์ crypto ทั่วโลก
ด้วยการถือครอง cryptocurrencies จำนวนมากนี้ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ารัสเซียจะหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรที่วางไว้ได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งรัสเซียยังสามารถได้รับการสนับสนุนจากชาติอื่น เช่น อิหร่าน จีน และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งบางประเทศอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามรายงานล่าสุดโดย Center for a New American Security แสดงให้เห็นว่า cryptocurrency สามารถลดผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับระบบธนาคารทั่วโลก