ขณะที่การรุกรานยูเครนของรัสเซียทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ประเทศผู้บุกรุกนี้ก็เผชิญกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากทั่ว่โลกซึ่งเป็นความพยายามร่วมที่จะบังคับให้ยุติการรุกราน
การคว่ำบาตานี้รวมถึงการตัดธนาคารรัสเซียออกจากระบบ SWIFT ตลอดจนจำกัดความสามารถในการทำธุรกรรมในสกุลเงินต่างประเทศ ทำให้มีข่าวลือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะหันไปพึ่ง Bitcoin และ cryptocurrency
อย่างไรก็ตามความจริงนี้อาจไม่ตรงกับข่าวลือ เนื่องจากรัสเซียมีความท้าทายที่สำคัญถึง 3 ประการที่จะต้องเอาชนะเพื่อจะเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมากตามที่ต้องการได้
อุปสรรคสามประการ
ความท้าทายประการแรกคือการขาดสภาพคล่อง ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับผู้นำและมหาเศรษฐีชาวรัสเซียในการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรและต้องการย้ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปเป็นสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเครือข่ายจะไม่สามารถจัดการกับกิจกรรมที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้
Carol House ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสภาความมั่นคงแห่งชาติกล่าวระหว่างการสัมมนาทางเว็บเมื่อวันพุธที่ 2 มีนาคม
“หากรัสเซียจะประสบความสำเร็จในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินของสหรัฐและพันธมิตรทั้งหมด คริปโทเคอร์เรนซี่เป็นเครื่องมือหลักที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับรัฐอย่างแน่นอน”
ประการที่สองคือเชื่อว่าไม่เปิดเผยตัวตน แม้ว่ามหาเศรษฐีชาวรัสเซียจะพยายามหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรโดยการหันมาพึ่งพา blockchain มากยิ่งขึ้น โดยมีความเชื่อว่าจะไม่เปิดเผยตัวตนของตัวเอง แต่สิ่งนี้ไม่เป็นความจริงเนื่องจากปัจจุบันการเคลื่อนไหวของ cryptocurrency สามารถติดตามได้โดยหน่วยงาน
ท้ายที่สุด มันจะเป็นเรื่องยากที่จะใช้การกระดานเทรดคริปโตส่วนใหญ่เพื่อจุดประสงค์นี้เนื่องจากพวกเขาระมัดระวังกิจกรรมที่อาจผิดกฎหมาย และกระดานเทรดทั่วดลกนั้นอยู่ภายใต้กฎการต่อต้านการฟอกเงินและต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนจากหน่วยงานกำกับดูแลท้องถิ่นโดยทั่วไป
ด้วยเหตุนี้ สกุลเงินดิจิทัลจึงถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือชาวยูเครนซึ่งได้รับการบริจาคจากทั่วทุกมุมโลกกำลังหลั่งไหลเข้ามา เมื่อเร็ว ๆ นี้ การบริจาคเหล่านี้ได้ทะลุ 54 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว